MG Cyberster ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่สาวกหลายคนรอคอย และหลังจากผ่านการโชว์ตัวแบบรถต้นแบบอยู่หลายครั้ง ล่าสุด ก็มีคนพบเห็นตัวรถเวอร์ชัน “ใกล้ขายจริง” ถูกนำมาวิ่งทดสอบบนท้องถนนกันแล้ว

*หมายเหตุ แนะนำให้กดดูภาพ Spyshot จากแหล่งข้อมูลต้นทางก่อน เพื่อความเข้าใจในการอธิบายรายละเอียดต่างๆของตัวรถต่อไปนี้

หลังจากที่มีภาพสิทธิบัตรหลุดออกมาเมื่อกลางปีก่อน และแทบไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดเพิ่มเติมอีกเลย ล่าสุดก็มีคนพบเห็นภาพของตัวรถร่างทดสอบจริงของ MG Cyberster ทั้งในแบบที่ถูกพรางด้วยสติ๊กเกอร์ทั้งคัน และแบบที่ไม่มีการปิดบังชิ้นส่วนตัวถังใดๆเลย กำลังถูกขนส่งไปยังสถานที่ทดสอบกันอยู่

โดยหน้าตาของตัวรถนั้น ก็เรียกได้ว่า แทบจะไม่หนีไปจากภาพสิทธิบัตรที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย แต่หากเทียบกับตอนที่มันยังเป็นรถคอนเซ็ปท์คาร์ เราก็จะพบว่ามันได้ถูกปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปหลายจุดด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ตามกระบวนการพัฒนารถอยู่แล้ว

และความเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับตัวรถคอนเซ็ปท์ที่ว่า หลักๆแล้วก็จะเริ่มตั้งแต่กันชนหน้าซึ่งถูกปรับใหม่ ยื่นออกไปด้านหน้าน้อยลง แต่มันยังคงมีการตัดเว้นครีบรีดอากาศด้านล่าง และช่องดักลมทางด้านข้างเช่นเดิม ส่วนตัวโคมไฟหน้าก็ถูกปรับใหม่ ให้มีความแหลมคมมากขึ้น

ขณะเดียวกันในส่วนลำตัวด้านข้างก็จะมีความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เสาเอ ด้านบน ที่ถูกปรับใหม่ ให้มีความใหญ่โต ดูแข็งแรงมากขึ้น และแน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ มันจึงได้รับการติดตั้งกระจกมองข้างเข้าไปเรียบร้อย ส่วนชิ้นตัวถังครอบด้านท้ายรถได้ถูกตัดทิ้งไป เหลือเพียงฝาปิดหลังคาผ้าใบ กับโครงเหล็กกันศรีษะกระแทก กรณีรถพลิกคว่ำก็เท่านั้น และท้ายสุดคือครีบรีดอากาศด้านล่าง ที่ถูกปรับใหม่ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลดความหวือหวาในยามผลิตขายจริง

ส่วนด้านท้าย เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพราะแม้ลายเส้นของแถบไฟท้าย กับไฟเลี้ยว จะมีลักษณะที่คล้ายเดิม แต่มันก็ถูกปรับสัดส่วนใหม่ให้ดูเหมาะกับการทำขายจริงมากขึ้น (แต่ในภาพรวมก็ยังดูกินพื้นที่ท้ายรถไปค่อนข้างเยอะอยู่ดี) และถึงแม้ตัวดิฟฟิวเซอร์ด้านล่าง จะยังคงมีมาให้ แต่กันชนท้ายก็ถูกปรับใหม่ ให้มีการเว้นพื้นที่ว่างสำหรับติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียน และตัวสปอยเลอร์หลังแบบเปิดขึ้น-ลง อัตโนมัติ ก็ได้ถูกถอดออกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

สุดท้ายคือชุดล้อ ที่แม้จะมีลวดลายก้านไม่ต่างจากรถต้นแบบมากนัก แต่ก็ถูกปรับลดขนาดลง จากที่เคยอยู่ราวๆ 21-22 นิ้ว คาดว่าจะเหลือเพียง 18-19 นิ้วเท่านั้น

นอกจากนี้ ในชุดภาพ Spyshot ที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ ยังมีภาพที่เผยให้เห็นภายในห้องโดยสารของตัวรถด้วยว่า มันจะมีความเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่ยังเป็นรถคอนเซ็ปท์พอสมควร เพราะแม้มันจะยังคงมาพร้อมกับชุดหน้าจอแสดงผลข้อมูลรถแบบโค้งเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความเป็นเหลี่ยมสันมากขึ้น เพราะไม่อยากให้ด้านบนของจอบดบังทัศนวิศสัยผู้ขับ และมีการแบ่งกั้นเบาะนั่งผู้ขับกับผู้โดยสารด้วยคอนโซลกลางแบบยกสูงเช่นเดิม แต่รายละเอียดงานดีไซน์ล้วนถูกปรับใหม่ทั้งหมด

เริ่มจากชุดพวงมาลัย ที่ยังคงเป็นแบบจอยสติ๊ก นั่นคือหั่นครึ่งด้านบน และตัดเหลี่ยมหลบแนวขาทางด้านล่าง เช่นเดิม แต่ตัวก้านพวงมาลัยมีการเพิ่มปุ่มควบคุมระบบต่างๆบนตัวรถเข้ามา โดยที่ปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนที่บิดหมุนที่ใต้ก้านพวงมาลัยแบบรถซุปเปอร์คาร์ก็ยังคงมีมาให้ ขณะที่ปุ่มแพดเพิ้ลชิฟท์ ซึ่งยังไม่บอกว่ามีไว้ปรับอะไร ระหว่างเกียร์ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีมั้ย) หรือ KERS

ถัดมาคือตัวคอนโซลด้านบนที่มีการเพิ่มช่องแอร์ และลดความเป็นเหลี่ยมสันลงเล็กน้อย ส่วนคอนโซลกลาง ก็มีการเพิ่มปุ่มควบคุมการทำงานระบบต่างๆถายในรถเช่นกัน โดยที่ตรงกลางเป็นพื้นที่ของจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ใหญ่ขึ้นกว่าตอนยังเป็นรถคอนเซ็ปท์ แต่ยังคงเป็นแบบแนวตั้งตามสมัยนิยม และที่ขาดไม่ได้คือมีช่องวางแก้วน้ำ สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารมาให้ด้วย

ส่วนรายละเอียดข้อมูลตัวรถ ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้ว่ามันจะมาพร้อมกับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้ความแรงขนาดไหน แต่สื่อฯหลายๆเจ้ามองว่า มันอาจใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและการวางเลย์เอาท์แบบเดียวกับ MG4 ที่พึ่งวางขายในบ้านเราไปได้ไม่นาน

นั่นคือ จะมีทั้งรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว กำลังสูงสุด 170 แรงม้า PS สำหรับขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมกันสูงสุดที่ 449 PS สำหรับขับเคลื่อนชุดล้อทั้งสี่

ซึ่งมันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ก็ต้องรอติดตามดูกันต่อไป จนกว่าจะถึงกำหนดการเปิดตัวรถร่างขายจริง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไม่เกินปี 2023 นี้ ก่อนทยอยวางขายจริงในหลายๆประเทศทั่วโลกอีกครั้งในปี 2024 อันมีประเทศไทยเราเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่