MG Cyberster คือหนึ่งในรถยนต์ที่ผู้หลงไหลในแบรนด์ MG ทั่วโลกให้ความสนใจและรอคอย แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องรอกันนานขึ้นอีกนิด จากข้อมูลล่าสุดที่ระบุว่าทางค่ายมีเหตุผลบางประการที่ทำให้พวกเขาจำเป็นจะต้องเลื่อนกำหนดการเปิดตัวมันออกไป

จากข้อมูลโดยสื่อฯ Autocar เปิดเผยว่า เดิมทีแล้ว รถ MG Cyberster เวอร์ชันขายจริง มีกำหนดการที่จะต้องถูกเปิดตัวที่งาน Guangzhou Motor Show 2022 ซึ่งเดิมที่แล้วมีหมายจะจัดขึ้นภายในช่วงสิ้นเดือนนี้

แต่ด้วยมาตรการ zero-COVID ของรัฐบาลประเทศจีน จึงทำให้งานดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องถูกประกาศเลื่อน หรือร้ายแรงที่สุดคือยกเลิกไป จึงทำให้งานเปิดตัวรถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ MG เอง ต้องถูกยกเลิกตามงานดังกล่าวไปด้วย

และหากเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง ทาง MG จึงอาจตัดสินใจนำรถ Cyberster ตัวพร้อมขายจริง ไปเปิดตัวในปีหน้า ที่งานจัดแสดงรถครั้งใหญ่งานอื่นซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงต้นปีแทน โดยคาดว่าอย่างช้าที่สุด ก็อาจจะไม่เกินช่วงเดือนเมษายน

ทั้งนี้ เพื่อให้การรอคอยของลูกค้ายังคงมีความหวัง นาย Guy Pigounakis ประธานฝ่ายงานโฆษณาของ MG สหราชอาณาจักร ก็ได้ออกมาย้ำชัดถึงความโดดเด่นของตัวรถ Cyberster กับสื่อ Autocar เอาไว้ว่า “มันคือรถที่จะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของแบรนด์(ในปัจจุบัน)ไปโดยปริยาย”

เพราะมันคือการกลับมาอีกครั้งของรถสปอร์ 2 ที่นั่ง ที่หายไปนานของแบรนด์ และในคราวนี้มันยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนที่ลูกค้าสามารถเลือกว่าจะใช้สเป็คขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ รถ”สมรรถนะสูง” ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ได้

“ทันทีที่รถถูกเปิดตัว หลายคนอาจมองว่ามันคือตัวตายตัวแทนใหม่ของ MGF (รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ค่ายเคยทำขายช่วงปี 1995-2001), แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด, มันคือรถยนต์แบบใหม่ที่มีกลุ่มลูกค้าต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง” Guy Pigounakis กล่าวเสริมถึงความน่าสนใจของเจ้า MG Cyberster ที่จะกลายเป็นรถยนต์เรือธงคันใหม่ของค่ายในเร็วๆนี้ทันทีที่มันถูกเปิดตัวออกมา

โดยแม้กำหนดการเปิดตัวรถเวอร์ชันขายจริงของ MG Cyberster จะอยู่ในระยะเวลาอันใกล้ แต่รายละเอียดทางเทคนิคต่างๆของตัวรถ กลับยังไม่มีใครที่สามารถระบุตัวเลข หรือข้อมูลต่างๆที่แน่ชัดออกมาได้ทั้งสิ้น นอกไปเสียจาก การได้เห็นภาพสิทธิบัตรของตัวรถที่ดูแล้วมีความหวือหวาน้อยลงกว่าร่างต้นแบบของมันมาก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้ในโลกอุตสาหกรรมยานยนต์

และหากให้วิเคราะห์กันจริงๆ เนื่องจากมันมีความเป็นไปได้ที่ตัวรถรุ่นนี้จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์มเดียวกันกับรถ MG 4 ดังนั้น หากเป็นตัวรถรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดียว ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง มันก็อาจจะมาพร้อมกับแรงม้าราวๆ 170-200 ตัว

แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ล้อ สำหรับช่วยกันขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แล้วล่ะก็ มันอาจจะมาพร้อมกับแรงม้าสุทธิราวๆ 450 ตัว ได้เลยทีเดียว ซึ่งนั่นสามารถทำให้มันเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาน้อยกว่า 3 วินาทีได้สบายๆ ขณะที่แบตเตอรี่ก็อาจจะรองรับระยะทางในการใช้งานได้มากถึง 800 กิโลเมตร ซึ่งก็ต้องมารอดูกันอีกครั้ง ว่าพวกเขาจะอยากไล่เบารถออกไปมากแค่ไหน ตอนทำขายจริง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่