หลังจากมีข่าวว่า ฮอนด้า เตรียม ถอยทัพ การรุกตลาดรถยนต์ 5 ประตู Honda Civic Hatchback สาวกฮอนด้า ต่างออกมาแสดงท่าที ความเสียอกเสียดายในการทำตลาดรถนยนต์รุ่นนี้ ที่เข้ามาไทย และอยู่ให้ซื้อ จากไปให้ได้คิดถึงกัน เมื่อพูดถึงรถรุ่นนี้ คู่แข่งที่ฮอนด้า หมายตาปั่นว่าจะมาสู่ ก็คือ Mazda 3 ถือเป็นรถเก๋ง 5 ประตู ที่อยู่มายาวนาน และ ตอบโจทย์คนไทย
มาสด้า 3 ขายในไทยมาานาน ตั้งแต่รุ่นแรก มาจนปัจจุบัน ไม่เคยมีสักครั้ง ที่มาสด้าจะไม่ทำตลาด 5 ประตู ที่จริง ประวัติศาสตร์ มาสด้า พวกเขาทำตลาดรถ 5 ประตูมานานหลายรุ่น ตั้งแต่ผู้เขียน จำเรื่องราวมาสด้าได้ ก็มี Mazda Astina , Mazda Cronos มาจน ยุคใหม่ มาสด้า 3 ตามลำดับ
ทำไม มาสด้า 3 5 ประตู ได้รับความนิยม
สาเหตุ ที่มาสด้า กลายเป็นรถยนต์ Compact Car ที่ได้รับความนิยม มาจากการชูจุดขาย ตั้งแต่แรกเริ่มว่าของมาสด้า ทั่วโลก ในภาพลักษณ์ความสปอร์ต มากก่อนการที่คนจะนิยมรถ 5 ประตู และ รถอเนกปะสงค์ในปัจจุบัน
การชูความสปอร์ต ทำให้ มาสด้า ค่อนข้างใส่ใจกับการทำรถยนต์นั่ง 5 ประตูวางจำหน่ายค่อนข้าง งานออกแบบที่มีความสปอร์ต ดูลงตัว กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัท ที่สามารถออกแบบรถ 5 ประตู จับใจลูกค้า มาขวบจนปัจจุบัน
ไม่เว้นกระทั่ง Mazda 3 Fastback รุ่นปัจจุบัน ที่สร้างความแตกต่าง เป็นที่สะดุดตา ตั้งแต่คุณเห็นครั้งแรกบนถนน ก็รู้ได้ทันทีว่า ที่คือ มาสด้า 3 ด้วยเส้นสายใหม่ Kodo Design ที่สร้างความสะดุด ตา อันที่จริง รถรุ่นนี้ มาสด้า แทบจะยกยอด มาจากรถต้นแบบ Mazda Kai Concept ที่นำออกมาโชว์ตัวใน งาน Tokyo Motor Show ก่อนหน้านี้
สมรรถนะมั่นใจ ราคาจับต้องง่าย
ทรวดทรง ไม่ใช่อย่างเดียว ที่ทำให้มาสด้า ก้าวมาอยู่ในใจลูกค้า แต่สิ่งสำคัญอีกประการก็หนีไม่พ้น สมรรถนะในการขับขี่ของตัวรถ ที่มีดีไม่แพ้กัน
ตั้งแต่รุ่นแรก มาสด้าสร้างความแตกต่าง ด้วยการทำให้รถจับต้องง่าย ด้วยการมีทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และ 2.0 ลิตร ก่อนภายหลังจะเหลือเพียง 2.0 ลิตร ตามปรัชญา การทำให้รถให้ขับสนุก แบบซูม-ซูม
เครื่องยนต์เอาเร้าใจ ไม่ใช่อย่างเดียว รถยังถูกพัฒนาระบบกันสะเทือนให้ตอบสนองดีขึ้น ไม่น่ากลัวเวลา เข้าโค้ง ยิ่งรุ่นก่อนหน้า และ ปัจจุบัน ทางมาสด้า ได้พัฒนาระบบ G-Vectoring Control หรือ GVC ในการช่วยถ่ายโอนน้ำหนัก เวลาเข้าโค้งและลดการควบคุมพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ยิ่งทำให้รถมาสด้า กลายเป็นรถยนต์ ที่มีศักยภาพในการขับขี่ดีขึ้นตามลำดับ
ยิ่งตัวปัจจุบัน ทางมาสด้า เปลี่ยนระบบช่วงล่างหลัง มาเป็นระบบทอร์ชั่นบีม แม้หลายคนจะมองว่า มันเหมือนกับทางมาสด้า เดินถอยหลังลงคลอง แต่หลังจากลองขับ ต้องยอมรับว่า สมรรถนะการขับขี่ในการเข้าโค้งรถรุ่นนี้ ไม่เป็นสองรองใครอย่างที่หลายคนคิด
รวมถึงตัวรถ ก็มีลูกเล่นที่น่าดึงดูด เช่นเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม ฟังชั่นความปลอดภัย เป็นทางเลือก แก่ลูกค้า ให้ได้ตวามความต้องการ ตามงบประมาณ
สมรรถนะตัวรถ ดึงดูด ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คงเป็นราคาขายตัวรถ ที่มีตั้งแต่ 9 แสนกว่าบาทกลางๆ ในรุ่นก่อน ปัจจุบัน เริ่มที่ 9 แสนบาทปลายๆ แล้ว (969,000 บาท) และมีราคาสูงสุด 1,198,000 บาท ซึ่งมีราคาถูกกว่า Honda Civic Hatchback ที่มีทางเลือก เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น
แล้วยอดขายมาสด้า เป็นอย่างไร
มาสด้า มีการเผยยอดขายมาอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกไตรมาส แต่ยอดขาย จะมีการแบ่งเพียงรถแต่ละรุ่น ไม่ได้ลงลึกรุ่นย่อย ในกรณี มาสด้า 3 เป็นยอดขายรวมๆ ไม่ได้ แบ่งเป็น รุ่น ซีดาน หรือ ฟาสแบ็คออกมา
อันที่จริง เมื่อช่วงก่อนหน้าโควิดระบาด ทางมาสด้า ไม่เคยเปิดเผยว่า บริษัท มีสัดส่วนการขายรถยนต์ Mazda 3 รุ่น 5 ประตู กับ 4 ประตู ราวๆ 60/40 ของยอดขาย มาสด้า 3
จากรายงานของ มาสด้า ในเดือน มกราคม-กันยายน ทางมาสด้า มียอดขาย มาสด้า 3 กว่า 2,254 คัน หาก นำ สัดส่วนดังกล่าวมาคิด จากยอดขาย จะมียอดรุ่น 5 ประตู ราวๆ 1,300 กว่าคัน ซึ่งไม่ใชยอดที่มากมายนักในความจริง แต่ก็ถือว่า ได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทย ไม่น้อย
แม้ว่า คู่แข่งจะจากไป และ กลายเป็นตลาดเก๋ง 5 ประตู ในอนาคตอันใกล้ จะคงเหลือเพียง มาสด้าเท่านั้น การยืนหยัด ของมาสด้า ในตลาดกลุ่มนี้ชัดเจนแล้วว่า แบรนด์ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับรถยนต์แฮทช์แบ็ค รากฐานควมสปอร์ตจากรุ่นสู่รุ่น จนวันนี้เป็นหนึ่งเดียวที่อยู่คู่คนไทย หลังจากฮอนด้า ขอยกธงขาวตลาดกลุ่มนี้