ระบบแจ้งหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน ของ iPhone และ Apple Watch กลายเป็นที่ถูกกล่าวถึงในช่วงชวบปีที่ผ่านมาอยู่ตลอด ว่ามันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเรียกทีมช่วยเหลือผู้ใช้หลังเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีความผิดพลาดบางอย่าง ที่ยังคงต้องได้รับการแก้ไขอยู่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นรายงานจากสื่อฯดังของประเทศสหรัฐอเมริกา The Wall Street Journal ที่ได้ทำการเปิดเผยว่า ระบบการตรวจจับอุบัติเหตุของ iPhone 14 และ Apple Watch เจเนอเรชันที่ 8 อาจไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างการประสบอุบัติเหตุของผู้ใช้ กับแรงเหวี่ยงอย่างฉับพลันของเครื่องเล่นรถไฟเหาะได้

นอกจากนี้ ตัว GPS ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการตรวจจับและแสดงตำแหน่งของผู้ใช้เอง ก็ยังไม่แม่นยำพอที่จะแยกออกว่าตอนนี้ผู้ใช้อยู่บนถนนทางเท้า หรืออยู่ในสวนสนุกด้วย ทั้งๆที่มันจำเป็นอย่างมาก ในการนำข้อมูลที่ตั้งเหล่านี้ไปประเมินแนวโน้ม หรือความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ

ไม่เพียงเท่านั้น ทางสื่อต้นทาง ยังมีกรณีศึกษาเป็น ทันตแพทย์หญิง Sara White ที่ได้พกโทรศัพท์ iPhone 14 อายุเพียง 2 วัน ไปเล่นรถไฟเหาะที่สวนสนุก Kings Island ของเมือง ซินซินนาติ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเครื่องเล่นรถไฟเหาะที่ว่า จะต้องวิ่งผ่านรางซึ่งมีจุดสูงสุดจากพื้นมากกว่า 33 เมตร และมีจุดที่ต้องไหลตกจากที่สูงอีก 16 ครั้ง แถมสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วยังมีจุดให้เร่งให้หยุดอีกมากมาย ตลอดระยะเวลาการเล่นราวๆ 2 นาที

ผลปรากฏว่าด้วยการเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกับการเกิดอุบัติเหตุ (?) ของเครื่องเล่นรถไฟเหาะ จึงทำให้ตัวโทรศัพท์เริ่มเปิดการทำงานของระบบเรียกหน่วยกู้ภัย ซึ่งหากคุณโชคดี เห็นการนับถอยหลัง แล้วปิดมันทัน อย่างที่ Sara White ทำได้ ก็ไม่เป็นไร

แต่หากคุณไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาทันทีหลังลงจากเครื่องเล่นเพื่อคุยกับเพื่อน เจ้าโทรศัพท์ก็อาจจะโทรหาหน่วยกู้ภัย หรือไม่ก็ส่งข้อความแจ้งเตือนอุบัติเหตุไปให้บุคคลสำคัญที่คุณตั้งค่าเอาไว้แล้วเป็นที่เรียบร้อย ทั้งๆที่คุณแค่พึ่งลงมาจากการเล่นรถไฟเหาะแค่นั้น

และในขณะที่มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ปัญหาก็คือ หากมันเกิดทำงาน เรียกหน่วยกู้ภัยมาช่วยผู้ใช้ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น ในจังหวะเดียวกันกับที่มีผู้ประสบอุบัติเหตุจริงๆ ต้องให้หน่วยกู้ภัยไปทำการรักษาโดยด่วนเช่นกัน ฝ่ายหลังก็จะเสียโอกาสที่ควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีในทันที ซึ่งอาจส่งผลร้ายถึงชีวิตเลยก็เป็นได้

นอกจากนี้ ระบบที่ว่า ยังทำงานไวถึงขั้นที่หากมันพบการตกไปพร้อมผู้ใช้จากรถขณะเคลื่อนที่ หรือตกหลังจากหยุดรถเพียงไม่นาน มันก็พร้อมที่จะโทรแจ้งหน่วยกู้ภัย แจ้งตำรวจ หรือแจ้งความช่วยเหลือจากผู้ที่เจ้าของโทรศัพท์ตั้งเอาไว้ในทันที ซึ่งหากในความเป็นจริง ผู้ใช้แค่ทำโทรศัพท์ตกเฉยๆก็ได้ มิได้ร่วงจากรถไปพร้อมกับโทรศัพท์แต่อย่างใด ซึ่งนั่นก็จะก่อให้เกิดปัญหาเดียวกับบรรทัดก่อนหน้าอีก

ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าว ดูเหมือนทาง Apple เจ้าของผลิตภัณฑ์ ทั้ง iPhone 14 (รวมทุกรุ่นย่อย) และ Apple Watch 8 จะได้รับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ทางบริษัทยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆตอบกลับมาทั้งสิ้น ว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่

ดังนั้น สำหรับวิธีหลีกเลี่ยงปัญหาในเบื้องต้น ทางสื่อฯต้นทางจึงแนะนำให้ผู้ใช้ปิดการทำงานของระบบไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทำงานผิดพลาดของตัวระบบเอง (เว้นแต่ว่าคุณจะไม่ได้ทำอะไรเสี่ยงๆมากเท่าไหร่นักอยู่แล้วล่ะก็นะครับ)

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก MotorTrend

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่