หลังการเปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปลายก่อนในประเทศอินโดนีเซีย ในที่สุด Honda WR-V 2023 ก็ได้ถูกนำมาเปิดตัวและวางขายในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้น 799,000 บาท

Honda WR-V

Honda WR-V 2023 ชื่อนี้อาจฟังดูไม่คุ้นหูชาวไทย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ความยาวช่วงตัวเพียง 4 เมตรนิดๆ ที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศอินโดนีเซีย และจุดสังเกตุสำคัญก็คือการที่มันได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของ Honda BR-V ที่ชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว

โดยหากพิจารณาที่ความต่างกันดีๆ ดูเหมือนว่าเจ้า WR-V จะมีความต่างจาก BR-V ที่สำคัญๆ เพียงแค่ในส่วนของระยะฐานล้อที่สั้นกว่า และความยาวตัวถังที่สั้นลงตามก็เท่านั้น ด้วยตัวเลข 2,485 มิลลิเมตร กับ 4,060 มิลลิเมตร ตามลำดับ

นอกนั้นแม้ความสูงจะต่างกันพอประมาณ คือ จาก 1,685 มิลลิเมตร ใน BR-V เหลือ 1,608 มิลลิเมตร ใน WR-V แต่เลขมิติตัวรถที่สำคัญ อย่างความกว้างตัวถังเป๊ะ ที่ 1,780 มิลลิเมตร และยังใช้ระบบกันสะเทือนหน้าตาเหมือนกัน ระบบเบรกเช่นกัน และชุดล้อยังมีขนาดหน้ากว้างเท่ากันอีก คือหน้ากว้าง 215 มิลลิเมตร

นอกจากนี้ ในส่วนรายละเอียดขุมกำลังเอง ก็แน่นอนว่า มันจะยังคงใช้ขุมกำลัง เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ i-VTEC + DBW ขนาดความจุ 1,498cc จากขนาดกระบอกสูบ 73 x 89.5 มิลลิเมตร มีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 10.6 : 1 พร้อมเคลมกำลังสูงสุด 121 PS ที่ 6,600 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ซึ่งทุกเลขเท่ากันกับขุมกำลังในตัวรถ BR-V ทั้งหมด

ส่วนชุดระบบเกียร์ CVT เอง หากเป็นอัตราทดเกียร์เดินหน้า ก็จะมีตัวเลขเท่ากันที่ 2.526 – 0.408 ขณะที่อัตราทดเกียร์ถอยหลัง ก็จะเริ่มต้นเท่ากันที่ 2.706 แต่อัตราทดตอนปลายของ WR-V จะอยู่ที่ 1.489 ส่วนอัตราทดตอนปลายเกียร์ถอยหลังของ BR-V จะมีตัวเลขคือ 1.350

ด้านอัตราทดเฟืองท้าย จะต่างกันอยู่พอประมาณ นั่นก็คือ WR-V จะใช้อัตราทดเฟืองท้าย 5.436 ขณะที่ BR-V จะใช้อัตราทดเฟืองท้าย 5.985 ซึ่งเข้าใจได้ว่า เนื่องจากฝ่ายหลังมีตัวถังที่หนักกว่า จึงต้องใช้อัตราทดเฟืองท้ายที่จัดกว่า เพื่อไม่ให้อัตราเร่งอืดเกินไปนั่นเอง

ด้านงานตกแต่งภายนอก ก็แทบจะให้กลิ่นอายเดียวกัน โดยเฉพาะเส้นสายด้านข้างตัวรถ ตั้งแต่แนวซุ้มล้อ, เส้นบานประตู, หรือแม้แต่กรอบกระจกบานข้าง ขณะที่กันชนหน้า-หลัง และไฟหน้า-ไฟท้าย อาจจะมีการปรับรายละเอียดใหม่ เพื่อให้มันดูมีความโฉบเฉี่ยว ถูกใจวัยรุ่นยิ่งขึ้น เพราะเป้าหมายหลักของรถรุ่นนี้ คือกลุ่มลูกค้าที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี แต่ก็ยังให้อารมณ์ที่ไม่หนีไปจาก BR-V มากนักอยู่ดี โดยจุดเด่นสำคัญ คือการให้ระยะความสูง จากพื้นถึงท้องรถ สูงสุด 220 มม.

ไม่เพียงเท่านั้น ในฝั่งงานตกแต่งภายในเอง ก็เรียกได้ว่ายกแผงคอนโซลจาก Honda BR-V มาใส่ทั้งชุด ไม่ว่าจะเป็น ชุดหน้าจอมาตรวัด แบบลูกผสม กึ่งอนาล็อคกึ่งดิจิตอล พร้อมแสดงข้อมูล ขนาด 4.2 นิ้ว , พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, ลักษณะกรอบแผงแอร์, เส้นตัดคอนโซล, ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับสูงต่ำ ให้การตัดเย็บ หนังสังเคราะห์ผสมกับ วัสดุผ้า เพิ่มความรู้สึกสปอร์ตในงานออกแบบ โดยรุ่น RS ให้ ผ้าสีแดง เดินด้ายแดง

ในส่วนของ ระบบเครื่องเสีย งให้ชุดจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android

แต่ถึงแม้จะเป็นรถเล็ก ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ทว่า Honda WR-V ก็จัดเต็มในส่วนระบบความปลอดภัย ด้วยการให้ระบบ Honda Sensing ที่ประกอบไปด้วย

  • Collision Mitigation Braking System
  • Lane Keeping Assis System
  • Road Departure Mitigation System
  • Adaptive Cruise Control
  • Lead Car Departure Notification System
  • ไฟสูงอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ตัวรถ ยังมาพร้อมโครงสร้างตัวถัง G-Con ในรุ่น RS มาพร้อมระบบถุงลมนิรภัยสูงสุด 6 ลูก ทั้ง คู่หน้า ด้านข้างและ ม่านนิรภัย มาพร้อม เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ, หมอนรองเบาะลดแรงกระแทกที่ต้นคอ, เบาะนั่งตอนหลังรองรับการติดตั้งเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX และอื่นๆอีกมากมาย

รุ่น RS

สำหรับรุ่น RS ทางฮอนด้า แนะนำในรุ่น Honda WR-V ให้ความสปอร์ตมากขึ้น โดยมีการปรับปรุง จากรุ่น SV ที่น่าสนใจ มากมายหลายรายการ เริ่มจาก ภายนอก ให้ล้ออัลล 17 นิ้ว ให้กระจังหน้า ที่มีความแตกต่าง มีความคล้ายกับ ของทาง Honda HR-V

ทั้งยังแนะนำ สีพิเศษ ภายนอกสีแดง พร้อมหลังคา สีดำ

ส่วนภายในห้องโดยสาร นำเสนอ ภายในโทนสีดำแดง ตอบการใช้งาน ให้ระบบ Paddle Shift ทั้งยังให้ลำโพง มากถึง 6 จุด ทั้ง ห้องโดยสาร

โดย Honda WR-V 2023 จะถูกวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วย 2 รุ่นย่อย โดย มีราคาจำหน่ายดังนี้

  • รุ่น SV ราคา 799,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 869,000 บาท

โดยการเปิดตัวครั้งนี้ ทางฮอนด้า ได้เปิดตัวพร้อมแคมเปญ ดอกเบี้ย 2.29% และ ฟรีประกันภัยชั้น 1

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่