สิ่งต่างในโลกใบนี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในช่วงระยะ 20 ปี ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องมากมาย หนึ่งในนั้น เห็นทีจะเป็นตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นจนวันนี้ได้รับการยอมรับ ทั้งหมดนั้น ต้องขอบคุณ ฮอนด้า ผู้หันมาบุกเบิกตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้วยการส่ง Honda Jazz รถ 5 ประตูแฮทช์แบ็คเข้าสู่ตลาดบ้านเรา
คนที่มีวัน 30 กลาง ทุกคนล้วนโตมากกับยุครถยนต์นั่งขนาดเล็กบุกเบิกตลาด จุดเริ่มต้น เรื่องนี้มาจากฮอนด้า มองตลาดรถยนต์ในอนาคต ที่จะมีการปรับตัวเปลี่ยนไป ทั่วโลกจะคำนึงถึงการปล่อยไอเสียและการประหยัดน้ำมัน มันต้องมาพร้อมความสบายในการขับขี่และราคาที่เหมาะสม
รถยนต์ที่น่าจะเป็นในอนาคต จึงน่าจะมาออกที่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งในเวลานั้น นอกจาก Kei Car ที่ขายในประเทศ ฮอนด้า ไม่ได้ทำรถยนต์นั่งขนาดเล็กออกวางขายทั่วโลก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ Honda Jazz
อันที่จริงหลายคนน่าจะรู้กันดีว่า Honda Jazz ในญี่ปุ่น และอเมริกา ไม่ได้ใช้ชื่อนี้ ที่จริง มันชื่อ Honda Fit ถ้าแปลกตามตัวก็แปลว่า เป็นรถที่ “เหมาะสม” “พอดี” “พอเหมาะ” อะไรเทือกนั้น
เหตุผลที่เมืองไทยเปลี่ยนชื่อ มาจากความเชื่อทางการตลาดว่า คำว่า “ฟิต” บ้านเราหมายถึง แน่น คับ และ แคบ ซึ่งน่าจะเป็นผลเสียกับทางการตลาดมากกว่า
เหตุผลคล้ายๆ กันนี้ เกิดขึ้นในยุโรป ที่เดิมจะใช้ชื่อว่า Honda Fitta แต่ถ้าแปลไปในภาษาแสกนดิเนเวีย มันจะไม่โสภาเป็นเรื่องใต้สะดือ ทางฮอนด้า ก็เลยคิดชื่อใหม่ ขึ้นมา สำหรับประเทศที่มีปัญหาทางด้านภาษา จนเป็นที่มาชื่อของ ฮอนด้า แจ๊ส ซึ่งฮอนด้า จดชื่อนี้ไว้นานตั้งแต่ เริ่มขาย ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นแรก
การพัฒนา Honda Jazz เกิดขึ้นในช่วงก่อนปี 2000 แต่ก็ใช่ว่า ฮอนด้า ไม่พยายามพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กเลยในอดีต
ฮอนด้า เริ่มต้นการเข้าสู่วงการรถยนต์นั่งขนาดเล็ก Subcompact Car ทางยุโรปอาจจะเรียกว่า Super Mini ตั้งแต่ปี 1981 ช่วงนั้นมีวิกฤตการณ์น้ำมัน ฮอนด้า จึงส่ง Honda City รุ่นแรกเริ่มปฐมบท ออกมาขาย มันมีขนาดยาวเพียง 3.4 เมตร ในเรือนร่าง 3 ประตู เป็นรถยนต์รุ่นแรกของฮอนด้า ที่ทำรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ออกมาวางจำหน่ายเลยก็ว่าได้
จุดขายหลักเป็นเรื่องสะดวกในการใช้งาน เพราะรถรุ่นนี้ ซื้อแล้วผู้ใช้จะได้ Motocompo สกู๊ตเตอร์พับได้ ขนาดเครื่อง 50 ซีซี เดินทางได้คนเดียว สำหรับการเดินทางในช่วงสั้นๆ ที่รถยนต์อาจจะไปไม่ถึงมาให้ด้วย
ตัว Honda City คันนี้ ใช้เครื่อง 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร ขนาดเครื่องยนต์จริง 1,231 ซีซี ให้กำลัง 67 แรงม้า รถคันนี้จึงเปรียบดั่งการเริ่มลงมือตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นแรก
หลังจากนั้น Honda city โฉม 2 ออกมาพร้อมกับความตั้งใจในการพัฒนารถแฮทช์แบ็ค ออกมาวางจำหน่ายอีกครั้ง ที่มันกลับมาในเรือนร่าง 3 ประตู แอทช์แบ็ค ขนาดตัวรถเพิ่มขึ้นมาเป็น 3,560 มม. ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รถรุ่นนี้ไม่วางขายในไทย
หลังจากนั้น ทางฮอนด้า ซิตี้ก็กลายมาเป็นรถซีดาน อย่างที่เรารู้จักกันดีมาจนปัจจุบัน ทว่าในส่วนของ 3 ประตู ก็ยังทำออกมา ในชื่อ Honda Logo ออกมาขายในปี 1996 คิดไม่ออกให้นึกถึง ซีวิคตาโตย่อส่วนลงมา มันมีขนาดเล็ก ใช้เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร D13B และ เกียร์ CVT มีทั้งรุ่น 3 ประตู และ 5 ประตู น่าจะเรียกว่า เป็นบรรพบุรุษของ Honda Jazz ก็ได้
Honda Jazz GD ปฐมบทคนไทยรู้จักรถยนต์เล็ก
ตั้งแต่ก่อนปี 2546 คนไทยรู้จักรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มาแล้วสักระยะหนึ่ง แต่มันมาในนามของ รถยนต์ Honda City เก๋งซีดานจากฮอนด้า และ Toyota Soluna ที่เข้ามาเป็นทางออกเรื่องราคาตัวรถที่จับต้องง่ายใช้งานได้สะดวกขึ้น
จุดเริ่มต้นของฮอนด้า แจ๊ส ส่วนหนึ่ง ก็มาจาก Honda Logo ที่ประสบความสำเร็จในแง่ความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อตัวรถ ทว่ายอดขายกลับไม่ดีอย่างที่ควร
ฮอนด้ารู้แล้วว่า รถแบบนี้ขายได้ ถ้าทำออกมาอย่างตั้งใจ พวกเขากลับนำข้อมูลบินกลับประเทศญี่ปุ่น แล้วเห็นพ้องว่า ต้องทำอะไรใหม่ๆในกลุ่มรถ 5 ประตู แฮทชแบ็ค ในช่วงที่กำลังจะเปิดตัว เป็นช่วงหลังปี 2000 ลูกค้าต้องการเห็นอะไรใหม่ๆ จากบริษัทชั้นนำ
ทีมวิศวกรฮอนด้า จึงจัดเต็มความคิดในรถยนต์แห่งอนาคต และนั่นเปลี่ยนทุกสิ่งไปตลอดกาล
แพลทฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า Honda Global Small Platform ถูกพัฒนาขึ้น นับเป็นการก้าวกระโดดอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรถเล็กเดิมๆ
ประการแรก ฮอนด้า เลือกที่จะพัฒนาตัวรถให้มีช่วงหน้าหม้อ (จากด้านหน้าถึงห้องโดยสาร) ที่สั้น และผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเห็นฝากระโปรงหน้าในระหว่างการขับขี่ เพื่อให้ทัศนวิสัยที่ชัดเจน
ต่อมา ตัวพื้นห้องโดยสารรถถูกปรับให้ต่ำลง เพื่อลดศูนย์ถ่วงระหว่างการขับขี่ เท่านั้น ยังไม่พอ ถังน้ำมัน จากเดิมส่วนใหญ่จะวางไว้ที่ล้อหลัง ถูกปรับมาวางไว้ตรงกลางรถใต้เบาะนั่งคู่หน้า เพื่อให้การกระจายน้ำหนักที่ดี และมีศูนย์ถ่วงต่ำ
การปรับรายละเอียดที่กล่าวไปแล้ว ทำให้ได้ห้องโดยสารขนาดใหญ่ รวมถึงพื้นที่สัมภาระที่มีความจุค่อนข้างใหญ่ เพียงพอสำหรับสัมภาระของทุกคน
จุดเด่นสำคัญอีกประการ คือการพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่ แบบหัวเทียนคู่ หรือ Dual & Sequential ignition หรือ i-Dsi ติดตั้งมาในเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 1.3 ลิตร เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากฮอนด้า ต่อจาก Vtec
เครื่องยนต์ตัวนี้ถือเป็นไฮไลท์เด็ดสำคัญของ ฮอนด้า มันมีกำลังขับที่เหมาะสม การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และ ยังประหยัดน้ำมันสูงถึง 23 ก.ม./ลิตร ในการทดสอบของ ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมระบบเกียร์ CVT ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว Honda Fit ใหม่ ขายในประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรกในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2544 และได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นรถที่มาพร้อมเทคโนโลยีต่างๆ มากมายอันทันสมัย ทั้งหมดเป็นไปตามความต้องการของหัวหน้าผู้พัฒนา นาย Yoshiyuki Matsumoto (ปัจจุบันเป็นประธานของ Honda R&D สาขาอเมริกา) เขามีแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ ว่า Man Maximum, Machine Minimum ทำให้รถที่ออกมา เน้นที่ผู้ใช้งานมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
ตัวรถแนะนำ ในขนาด 3,830 มม. กว้าง 1,675 มม. สูง 1,525 มม. มีระยะฐานล้อ 2,450 มม. ถ้าสังเกตให้ดีว่า ตัวรถรุ่นนี้จะทำออกมาคล้ายๆ กับ รถ MPV หรือ รถสเตชั่นแวกอนดั้งเดิม แต่ปรับสัดส่วนใหม่ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะ ทีมพัฒนาต้องการ ทำให้รถคันนี้เป็นเช่นนั้น ณ เวลาดังกล่าวยังไม่มีใครคิดทำมาก่อน
จุดขายหลักอีกอย่างที่ทำให้ ฮอนด้า แจ๊ส ปังมากในยุค มาจากพื้นที่โดยสาร โดยเฉพาะเบาะหลังที่เรียกว่า “Ultr Seat” สามารถปรับได้ 4 โหมด เพื่อตอบสนองในการใช้งานให้กับลูกค้า ได้แก่ Utility Mode, Long Mode ,Tall Mode และ Refresh Mode
ใน 3 โหมด เบาะหลัง นั้น เป็นการปรับพับและใช้งานในรูปแบบต่างๆ สำหรับวางของที่มีความใหญ่ โดยปรับพับเบาะหลัง ที่สามารถแยกพับได้ 60/40 ลง ใน Long mode ปรับพับเบาะหลังลงเพียงด้านเดียวแล้วพับเบาะหน้าลงจนชิด ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยยาว เป็นพิเศษ
ด้าน Tall Mode ที่รองนั่งเบาะหลังสามารถปรับพับขึ้นได้ ทำให้สามารถวางของที่มีความสูง เช่นต้นไม้ได้ด้วย
ส่วน Refresh mode เป็นโหมดถอดหัวหมอน ตอนหน้า แล้วเอนต่อกับที่นั่งตอนหลังจนได้ที่นั่งที่มีความยาว มากเป็นพิเศษ ให้การพักผ่อนภายในรถได้ ถ้าต้องการ
การให้เรือนร่างที่มีขนาดเล็กและความอเนกประสงค์ ทำให้ Honda Jazz ถูกใจลูกค้าชาวญี่ปุ่นอย่างมาก จนเป็นรถยอดเยี่ยมประเทศญี่ปุ่นในระหว่างปี 2001-2002
ในประเทศไทย Honda Jazz มาเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 สร้างปรากฎการณ์เขย่าตลาดรถยนต์ในเมืองไทย ด้วยการเป็นรถประเภท 5 ประตู รุ่นแรกที่เข้ามาขายในตลาด ในฐานะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก พร้อมวลีเด็ด Jazz Up Your life
ชูจุดเด่นฟังชั่นในห้องโดยสาร และความสนุกสนานในการขับขี่ ตลอดจนการประหยัดน้ำมัน จากเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร
โดยในระยะแรกที่เข้ามาจำหน่าย นำเสนอ เครื่องยนต์ 1.5 i-DSi เป็นเครื่องยนต์หัวเทียนคู่ แคมเดี่ยว 8 วาล์ว เพื่อให้การปล่อยไอเสียต่ำ และประหยัดน้ำมัน มันให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า สูงสุดที่ 5,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 131 นิวตันเมตร มาต่ำเพียง 2,700 รอบต่อนาที พกเกียร์ CVT พร้อมระบบที่เรียกว่า Steermatic ต้นกำเนิด Paddle Shift ในปัจจุบัน สามารถ เลือกปรับเกียร์ขึ้นลงได้เองตามต้องการ +/- เอาที่สะดวก
รถรุ่นนี้น่าจะเรียกว่า เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดในยุค 2000 ด้วยยอดจอง 10,000 คัน ใน 2 เดือน เท่านั้น
รถรุ่นนี้ พูดแล้วก็ทำให้ผมนึกถึงสมัยวัยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนสนิทในกลุ่มชื่อ “ผึ้ง” ขับรถรุ่นนี้มาเรียน ทุกวัน (สมัยนั้นยังไม่คิดว่าจะมาทำงานในวงการนี้ด้วยซ้ำ) ด้วยความที่มหาวิทยาลัยเรา อยู่ไกลผู้คนการกลับไปยังจุดที่ต่อรถง่ายที่สุด ก็เลยต้องอาศัยรถผึ้งมายัง ฟิวเจอร์ปาร์ค หรือ เมเจอร์รังสิต ก็ว่ากันไป
ทุกเย็น เราจะออกมาพร้อมกลุ่มเพื่อน รวมๆในรถ จะมี 5-6 คน ก่อนจะมาแยกย้ายกัน ตรงเมเจอร์รังสิต บ้านใครบ้านมัน นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมมีโอกาส รู้จัก Honda Jazz สั้นๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าโอเคทีเดียว
การขายรุ่น i-Dsi ถูกครหา ว่ารถอืดไม่ทันใจ แม้ว่าจะประหยัดมาก และใช้งานได้ดีในเมือง ก็ตาม จนเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2547 ฮอนด้า ตัดสินใจ เพิ่มทางเลือก รุ่นเครื่องยนต์ระบบ Vtec ออกมาวางจำหน่าย ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า สูงสุดที่ 5,800 รอบต่อนาที และ ให้แรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 4,800 รอบต่อนาที ภายใต้สโลแกนใหม่ The Fun Never Stop
ไม่เพียงเท่านี้เอาใจสาวกสตรี สุดๆ ด้วยสีชมพู และ สีขาว มาใหม่ จนกลายเป็นกระแสเริ่มต้น รถสีขาว จนทำให้คนไทยฮิตสีนี้ จากวันนั้น มาจนปัจจุบัน
หลังจากการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ VTEC ออกมา ฮอนด้า แจ๊ส ก็กลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากลบคำสบประมาท ในเรื่องการขับขี่เป็นปลิดทิ้ง มีรุ่นพิเศษตามออกมามากมาย ทั้ง Jazz Cool, Jazz Extreme จนกระทั่งในมีการปรับโฉมครั้งแรกใน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ไม่นานก่อนการปฏิวัติ เพื่อท้าชนกับคู่แข่ง Toyota Yaris ที่เข้ามาทำตลาด
จุดเด่น เป็นงานออกแบบด้านหน้า และด้านท้ายที่ดูสปอร์ตมากกว่าเดิม แต่คงความเป็นรถยนต์น่ารัก มุ้งมิ้งไฟท้ายใหม่ เป็นแบบ LED รุ่น i-DSI น้อยลง มีรุ่นย่อย VTEC มากขึ้น
ด้วยความที่รถรุ่นนี้ถือเป็นรถที่ถูกที่สุดในตลาดในเวลานั้น ทำให้ รถได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างมาก จนกลายเป็นรถที่ถูกนำไปแต่งมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ความนิยมดังกล่าว ทำให้ฮอนด้า ตัดสินใจสร้างรายการแข่งเฉพาะขึ้นมาในช่วงปี 2008 ภายใต้ชื่อ Honda Jazz One Make Race เพื่อค้นหานักแข่งที่ทักษะในการขับขี่ สร้างนักแข่งที่มีชื่อเสียงขึ้นมา อย่างเช่น แบงค์ กันตศักดิ์ กุศิริ และ เบิร์ด อลงกรณ์ ยั่งยืน เป็นต้น
ฮอนด้า แจ๊ส GE
ความนิยมของ ฮอนด้า แจ๊ส ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ ฮอนด้าไม่รอช้าที่จะเร่งปล่อยรถโฉมที่ 2 ออกมาวางจำหน่าย พร้อมกับปรับให้รถรุ่นนี้เป็นรถระดับขายทั่วโลก หรือ Global Model สืบตำนานต่อจาก Honda Accord , Honda Civic และ Honda CR-V
รถรุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2007 การปรับปรงุรถรุ่นนี้ ยังคงเหมือนเดิม เดินไปตามหลักการ Man Maximum , Machine Minimum ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่นแรก
มันมีการปรับปรุงหลายอย่าง แต่หลักๆ จะเห็นได้ว่าตัวรถถูกปรับให้ มีฟังชั่นการใช้งานที่ดีขึ้น ภายใต้แนวคิด Human Fit เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาตัวรถรุ่นใหม่ ในสไตล์อยากได้แบบไหนบอกมา ป๋าฮอนด้า จัดให้
เปรียบเทียบกับรุ่นเดิม Honda Jazz โฉมที่ 2 พัฒนา 3 หัวข้อสำคัญ คือการขับขี่ ,แพ็คเกจภายในห้องโดยสาร และ ความสะดวกสบายในการใช้งาน รถเปิดตัวในโลกครั้งแรกที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 18 ตุลาคม ปี 2007
เทียบกับรุ่นแรกมีการพัฒนาหลายอย่างเริ่มจากภายนอกที่ดูแล้วสปอร์ตน่าใช้งานมากขึ้น ตัวรถมีความยาวทั้งสิ้น 3,900 มม. (+55มม.) กว้างขึ้น เป็น 1,695 มม. (+20 มม.) ส่วนความสูงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่ 1,525 มม. ฐานล้อเป็นอีกสิ่งที่ปรับเพิ่มความยาวมากกว่ารุ่นเดิม เป็น 2,500 มม. (+50 มม.)
ในญี่ปุ่นท้าทายด้วยชุดปะยางฉุกเฉินแทนยางอะไหล่ จนได้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มอีก 64 ลิตร มีพื้นที่เก็บของ 427 ลิตร จากพื้นถึงฝาท้าย มีความสูง 605 มม. และประตูหลัง สามารถเปิดได้กว้าง 80 องศา
ด้านการออกแบบ เทียบกับรุ่นเดิม ตัวใหม่นี้ดูสปอร์ตมากกว่า ตั้งแต่หน้าจรดท้าย กลายเป็นรถที่ถูกใจสายแต่งสายซิ่ง ในยุคนั้นอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องโดยสารให้เรือนไมล์ใหม่ กระจกช่วงด้านหน้า มีขนาดใหญ่ขึ้น เสาเอ ถูกบีบเล็กลง เบาะนั่งคู่หน้าทางฮอนด้า เผยว่าตัวโครงนั้นเอามาจากซีดานกลาง คาดว่าน่าจะเป็น Honda Accord (โฉมปลาวาฬ) แล้วมาขึ้นพวกโฟมและการซับแรงจากสปริงใหม่ ตามต้นทุนของรถเล็กที่น่าจะต้องด้วยกว่าบ้างในบางประการ
ส่วนเบาะหลังปรับให้กว้างขึ้น 20 มม. และมีความลึกเพิ่มขึ้น 15 มม .ซัพพอร์ทหนาขึ้น 10 มม. ฟังชั่นใช้งาน ultra Seat ยังอยู่ครบ และเพิ่ม อีก 3 โหมดในการบรรทุก คือ สามารถปรับความสูงและลดต่ำได้ ในห้องสัมภาระ ส่วนในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น สามารถเก็บของใต้พื้นสัมภาระได้ด้วย
ด้านเครื่องยนต์เป็นครั้งแรกที่ ฮอนด้า แจ๊ส ปรับเปลี่ยน มาใช้ระบบ i-VTEC ทั้งหมด ถอด เครื่องยนต์ i-Dsi ที่วางจำหน่ายหมายมั่นปั้นมือเดิมออกไป เนื่องจากลูกค้าทั่วโลกพูดไปในทางเดียวกันว่า อืดไปสำหรับการขับขี่
ในญี่ปุ่น มีเครื่องยนต์ 1.3 i-VTEC ให้กำลัง 100 PS และประหยัดน้ำมัน 24 ก.ม./ลิตร จากการทดสอบโดยทีวิศวกรฮอนด้า ขณะที่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร I -VTEC มีการปรับการตอบสนองใหม่ ปรับปรุงการเปิด-ปิด วาล์ว กำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 120 PS ช่วยให้ขับสนุกมากขึ้น และประหยัดน้ำมัน 19.6 ก.ม./ลิตร
และแล้ววันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2551 เพียง 6 เดือน หลังจากเปิดตัววางจำหน่ายในญี่ปุ่น ฮอนด้า ประเทศไทย ก็เปิดตัวรถรุ่นนี้อย่างสวยงาม โดยในบ้านเรา รถรุ่นใหม่สามารถใช้พลังงานทางเลือก E20 ได้ด้วย ทว่าฮอนด้ากลับคิดว่าเกียร์ออโต้ 5 สปีด น่าจะเหมาะในการใช้งานบ้านเรามากกว่า CVT ดั้งเดิม ทำเอาสาวกงงไปตามๆ กัน หากในทางกลับหันสื่อมวลชนกลับมองว่า ถูกจริตคนไทย และมีความทนทานสูงกว่า CVT ที่เคยแนะนำออกสู่ตลาด ในรุ่นที่แล้ว
ตอนเปิดตัวครั้งแรก รถมี 3 รุ่นย่อย คือ S, V และ SV ราคาขายเริ่มที่ 550,000 บาท และสูงสุดที่ 695,000 บาท
หลังจากนั้นก็มีรุ่นต่างย่อยๆ ออกมามากมาย หลายทางเลือกแล้วแต่ความชอบ เอาใจลูกค้าทุกลุ่ม ด้วยความเป็นฮอนด้า ประกอบความทนทานเดิม ทำให้ Honda Jazz รักษาฐานเดิม คือคนรุ่นใหม่ หรือ กลุ่มคนประเภทหัวใจยังวัยรุ่น ไว้ได้เหนียวแน่น
รถรุ่นใหม่นี้ถูกในสายแต่งรถมาก ด้วยหน้าตาดูสปอร์ตไม่มุ้งมิ้งเหมือนเดิม ทำให้รถแต่งแล้วขึ้น ประกอบกับการยังมีโครงการ Jazz One Make Race ต่อในช่วงแรกทำให้ กลายเป็นรถเล็กภาพลักษณ์สปอร์ต ในสายตาของหลายคน
ในปลายปี พ.ศ. 2554 โรงงานฮอนด้าที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะถูกน้ำท่วม จากเหตุภัยพิบัติระดับประเทศ วิกฤติครั้งนั้น ทางภาครัฐบาลในเวลานั้นเปิดโอกาสให้บริษัท สามารถนำรถจากประเทศ ญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายประทังการฟื้นฟูโรงงานที่ได้รับความเสียหาย ฮอนด้าได้ใช้สิทธิดังกล่าวในการนำเข้ารถยนต์ Honda Fit จากประเทศญี่ปุ่น (แต่ยังแปะตราแจ๊ส) ราคาขายมารุ่นเดียว ที่ 747,000 บาท
และที่หลายคนไม่คาดคิดเลยว่าจะมา แต่ก็มีให้จับจอง คือ Honda Jazz Hybrid มาเขย่าตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก จนฮอนด้า เป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่มาพร้อมรถยนต์นั่งขนาดเล็กไฮบริด เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 พร้อมชูคอนเซป “ใครๆ ก็ไฮบริดได้”
รถรุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนใหม่ ที่เรียกว่า Integrated Motor Assisted หรือขานนามสั้นๆ ว่า IMA ตัวรถใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร 4 สูบ 8 วาล์วพร้อมระบบ i-VTEC ให้กำลังขับ 88 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 14 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 78 นิวตันเมตร
ระบบทำงานในลักษณะที่เรียกว่าระบบ Mild Hybrid ซึ่ง มอเตอร์ฟ้าจะช่วยออกตัว และใช้ได้ในภาวะที่มีความเร็วต่ำ มากๆ ช่วยให้มันประหยัดอย่างมากในการขับขี่ในเมือง (ไม่สามารถใช้โหมดไฟฟ้าล้วนๆ ได้) เครื่องยนต์จะทำงานเป็นหลักเมื่อขับขี่ใช้ความเร็วและมอเตอร์ไฟฟ้า มีหน้าที่สนับสนุนการทำงาน
พละกำลังขับรวมอาจจะด้อยกว่าในรถเวอร์ชั่นธรรมดา ทว่ามีแรงบิดสุงถึงเกือบ 198 นิวตันเมตร ทำให้ในการขับขี่จริงมีกำลังน้องๆ เครื่อง 1.6 ลิตร ตอบสนองดีกว่า และประหยัดน้ำมันถึง 12.3 ก.ม./ลิตร โดยเฉพาะการใช้งานขับขี่ในเมือง
รถรุ่นนี้ตอนเปิดตัวในไทย มีราคาขาย 768,000 บาท และได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นรถไฮบริดที่มีราคาขายถูกที่สุด แม้ว่าระบบจะถูกค่อนขอดว่าไม่ดีพร้อมเท่าโตโยต็ตามที
แต่การมาของรถอีโค่คาร์ ก็เรียกว่า สร้างผลกระทบเต็มๆ กับรถSub Compact Car ในประเทศไทย เนื่องจากเดิมทีรถกลุ่มนี้เป็นรถที่มีราคาถูกที่สุดในตลาด
ในฮอนด้าเอง เพื่อเดินตามแนวนโยบายภาครัฐ จึงออก Honda Brio และ Honda Brio Amaze ออกมาวางจำหน่าย แต่เรื่องร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดี เมื่อฮอนด้าบริโอ ไม่ค่อยถูกชะตากับคนไทยเท่าไร นั่นช่วยให้ฮอนด้าแจ๊สผู้พี่ขายดีขึ้น หากภาพรวมก็ยังกระทบกับยอดขาย เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับแจ๊ส
ใครเลยจะคิดว่า Honda Jazz โฉม 2 เป็นรุ่นที่ทำอะไรออกมามากที่สุด ตั้งแต่มันวางขาย ในวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ฮอนด้า ทำเซอร์ไพรส์ สาวกทั่วโลก ด้วยรถยนต์ Honda Fit EV กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทที่วางจำหน่ายจริงใน 2 ภูมิภาค คือ ยุโรป และในญี่ปุ่น
ตัวรถใช้แบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนจากโตชิบ้า มันมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 92 กิโลวัตต์ (123 แรงม้า) ให้แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร มีระยะทางต่อการชาร์จ 225 ก.ม. ใช้เวลาในการชาร์จไฟฟ้า 12 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 120 โวล์ท ราคา ค่าตัวในญี่ปุ่น 4 ล้านเยน
แต่รุ่นนี้ไม่ได้นำมาขายในไทย ….
ฮอนด้า แจ๊ส GK
ในที่สุด Honda Jazz โฉมที่ 3 ก็เปิดตัวออกมาขายในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2013 ทำให้โฉมที่ 2 กลายเป็น Honda Fit ที่อยู่ในตลาดนานกว่าปกติ
กระแสความนิยมรถยนต์นั่งขนาดเล็กในตลาดโลก ยังมี อย่างต่อเนื่องด้วยความตระหนักในเรื่องการประหยัดน้ำมัน และรักษาสิ่งแวดล้อม ฮอนด้าโฉม 3 ออกแบบแตกต่างจากโฉม 2 ด้วยแนวคิดการพัฒนารถใหม่ทั้งคัน ที่เรียกว่า “Exciting H”
แนวคิดดังกล่าวยกระดับงานออกแบบ Honda Fit ใหม่ ให้ก้าวล้ำขึ้นไปอีกกว่าเดิม และยังไม่ลืมหัวใจหลักสำคัญ ในกาพัฒนาตัวรถทางด้านการขับขี่ และมีพื้นที่ใช้สอยครบเครื่องฟังชั่นในการใช้งาน อย่างลงตัว
ขนาดตัวรถรุ่นใหม่ พัฒนายกระดับขึ้น จากเดิมด้วยขนาดความยาว 3,955 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,525 มม. และมาพร้อมฐานล้อยาว 2,530 มม. เปรียบเทียบกับโฉม 2 มันโตขึ้นอีกพอสมควร ความยาวเพิ่ม 55 มม. ความกว้างและความสูงไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนฐานล้อบวกเพิ่ม 30 มม.
ด้านงานออกแบบตัวรถ ต้องยอมรับว่ารุ่นใหม่ โยนเสน้สายรายละเอียดทุกอย่างใน 2 รุ่นแรกทิ้งไปหมด ใช้งานออกแบบใหม่หมดจด ด้วยการให้หลักการทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม จะเห็นจากงานออกแบบฝากระโปรงหน้า, กระจังหน้า และ ช่วงเสน้หลังคาที่มีการลาดเทกว่าเดิมมากพอสมควร
ทั้งหมดนี้ไม่เพียงช่วยให้รถประหยัดขึ้น ยังพัฒนาเรื่องการเก็บเสียงให้ไม่น่ารำคาญเหมือนเดิม แม้ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กก็พอจะทำให้เสียงจากภายนอกดีขึ้นได้
ตัวรถรุ่นนี้ทางทีมออกแบบพัฒนาแพลทฟอร์ม ยังคงใช้แนวคิด เรื่องถังน้ำมันวางไว้ตรงกลาง แต่ปรับ ให้พื้นที่ในห้องโดยสารมีความสะดวกสบายมากขึ้น
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความสปอร์ตมากขึ้นด้วยเรือนไมล์ใหม่ ที่มีความน่าใช้งาน เบาะนั่งใหม่ ที่กระชับและสบายทุกการเดินทาง รวมถึงการวัสดุซับเสียงที่ดีขึ้นคุณภาพเดียวกับ Honda Accord ตามข้อมูลจาก ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น
ด้านเครื่องยนต์สันดาป มีการปรับปรุงใหม่ ภายใต้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Earth Dream ในญี่ปุ่นแนะนำเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร Atkinson Cycle แคมคู่ และระบบ I VTEC พร้อมระบบเกียร์ CVT รุ่นใหม่ ที่มีความลงตัวในแง่สมรรถนะและความประหยัดในการขับขี่ ให้อัตราประหยัดสูงสุด 26 ก.ม./ลิตร
ความสำเร็จจาก Honda Fit Hybrid ในรุ่นเดิม และความนิยมในยุโรปและญี่ปุ่น ทำให้ในรุ่นนี้มีเครื่องยนต์ไฮบริดตั้งแต่เริ่มออกวางจำหน่าย นำเสนอ เครื่อง 1.5 ลิตร Atkinson Cycle พร้อมระบบขับเคลื่อน i-DCD เกียร์คลัทช์ คู่ 7 สปีด ส่งกำลังด้วยแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออ น ให้อัตราประหยัดสูงสุด 36.4 ก.ม./ลิตร
ระบบนี้พัฒนาขึ้นมาใหม่ และมันมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบ IMA เดิมมากพอสมควร จะเรียกว่า เป็นระบบ Full Hybrid แล้วก็ได้ไม่ผิดนัก จากเดิมที่เป็นเพียง Mild Hybrid
บ้านเรา กว่ารถรุ่นนี้จะออกมาวางขายใช้เวลา อีกเกือบปี มันเปิดตัวในวันที่ 22พฤษภาคม พ.ศ. 2557 วันนี้เป็นวันที่ เกิดการรัฐประหาร โดยคสช. ในประเทศไทย
ตัวรถรุ่นใหม่ในเวอร์ชั่นไทย เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ Millennial หรือที่เรียกว่า Gen Me ด้านงานออกแบบมาพิมพ์เดียวกับญี่ปุ่น หากเครื่องยนต์ในแวอร์ชั่นขายในไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 I VTEC 120 แรงม้า เหมือนเดิม ส่วนที่เปลี่ยนแปลง คือการผละจากการระบบเกียร์ออโต้ 5 สปีด มาเป็นชุดเกียร์ CVT รุ่นใหม่ ภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream รองรับพลังงานทางเลือกได้สูงขึ้นถึง E85 เอาใจสายประหยัด
สิ่งที่น่าชื่นชมในฮอนด้า แจ๊ส เวอร์ชั่นไทย คือการอนุรักษ์ รุ่นเกียร์ธรรมดา มาตั้งแต่รุ่นแรก และยังสืบทอดต่อมาจากรุ่นปัจจุบัน จนกลายเป็นคู่คิดสายซิ่ง ที่อยากได้ รถสปอร์ต 3 แป้น ในราคาประหยัด แม้ว่าในระยะหลัง จะยกเลิกการแข่งรถทางเรียบไปแล้ว หากก็ทำให้มันเป็นรถที่อยู่คู่วงการรถแต่งไปโดยปริยาย
ฮอนด้า แจ๊สรุ่นนี้ ปรับโฉมเมื่อ วันที่ 19 พฤษภาคม 2560 โดยทางฮอนด้าใช้การเปิดตัวทางออนไลน์ ด้วยมองว่าต้องการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง การเปลี่ยนแปลงตัวรถ ก็แทบไม่ได้มีอะไรมาก ด้วยการเปลี่ยนกันชนหน้า-หลังใหม่ ให้ ไฟ Day Time Running Light และ ถุงลมนิรภัย 6 จุด ในห้องโดยสาร
เรียกว่าอาจไม่ได้ใส่เต็มมาก แต่ทำให้รถไปต่อได้อีกเฮือกใหญ่ และคุ้มค่ามากขึ้น แม้ว่าจะต้องเจอศึกหนักจากรถจีน เข้ามาตัดแข้งตัดขาเพิ่มจากเดมิ ที่ต้องกรำศึกกับรถอีโค่คาร์
ในด้านต่างประเทศ กระแสความนิยมรถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มอยู่ในขาลง รวมถึงในประเทศไทย ด้วยการมาและความนิยมของรถอเนกประสงค์ที่ทวีเพิ่มมากขึ้น แม้แต่ Honda Jazz ก็ยังปราชัยในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการมาของ Honda HR-V ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานจากรถรุ่นนี้ ทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำ จนฮอนด้า วางว่า จะเป็น Global Model รุ่นใหม่ทันทีที่วางจำหน่าย หลังเห็นยอดขายเดินดี อย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการตอบสนองจากบางตลาดเริ่มเอื่อยเฉื่อยไม่นิยม อาทิในตลาดอเมริกา ฮอนด้าต้องทำการบ้านอย่างหนัก ในรถรุ่นใหม่
Honda Fit GR
หลังหลายรุ่นที่เดินทางมาในโลกความสปอร์ต ในเดือนตุลาคมปี 2019 ทางฮอนด้าทำเอาสาวก หลายคนอุทาน ทันทีที่เปิดตัว Honda Fit (Jazz) รหัส GR ออกมาบนเวที Tokyo Motor Show 2020 ว่า เฮ้ย!!! เอาจริงดิ
ตัวรถรุ่นใหม่ ทำเอาสาวก หลายคนค่อนข้างผิดหวัง เนื่องจาก Honda Fit รุ่นนี้ ถูกปรับกลับไปสู่หน้าตาดูมุ้งมิ้งคล้ายรุ่นแรก ทางฮอนด้าเปิดเผยว่า การพัฒนาตลาด 3 เจนเนอร์เรชั่นที่ผ่านมา อาจให้คุณค่ารถหลายๆ อย่าง แต่รุ่นใหม่ เรื่องความสบายในการใช้งาน หรือ Comfort เป็นเรื่องที่สำคัญ
หัวใจหลักสำคัญ 4 ข้อ ภายใต้เรื่อง Comfort นี้ ประกอบด้วย
- Comfortable View ให้มุมมองที่สบายลดการใช้ปุ่ม แล้วปรับรายละเอียดต่างๆ ด้วยการให้ข้อมูลผ่านหน้าจอ 2 ชุด ทุกอย่างในห้องโดยสาร ดูเรียบง่ายขึ้น ใช้งานง่ายเข้าใจง่ายขึ้น
- Seating Comfort ให้ที่นั่งที่มีความสบายสูงสุด เบาะนั่งตอนหน้าลงตัวในการใช้งานมีที่ดันหลังมาให้ด้วย เบาะนั่งตอนหลังมีความสบายสูงสุดเพิ่มความหนาวัสดุเบาะรองนั่งหลัง แม้ซื้อรถเล็กก็ยังโดยสารได้อย่างสบาย
- Ride Comfort ให้ความสบายในการขับขี่ ทั้งในแง่สมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน ฮอนด้า จึงแนะนำ ระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า e:HEV พัฒนาระบบไฮบริดใหม่ ที่เรียกว่า i-MMD ขึ้นมาตอบสนองในการขับขี่ดีขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วย
- Usability ยังคงให้ความสำคัญกับพื้นที่ในห้องโดยสาร และการจัดวางของที่หลากหลาย ทางฮอนด้าปรับลดขนาดชิ้นส่วน IPU ของระบบไฮบริด เพื่อไม่ให้กวนการใช้งานของลูกค้า
นอกจากนี้เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า จึงออกแบบรถออกมาให้มีสไตล์ตรงความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น เป็น 5 รุ่นย่อย ได้แก่
- Fit Basic เวอร์ชั่นปกติทั่วไป
- Fit Home เน้นการให้ความทันสมัย และความสะดวกสบายสูงสุด
- Fit Luxe ปรับสไตล์ให้ดีกรีความหรูหรา ยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม
- Fit Ness ออกแบบมาสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ เน้นสไตล์ตบแต่งที่ดูมีความสปอร์ต
- Fit Crosstar เวอร์ชั่นยกสูงออกแบบให้เป็นสไตล์กึ่งรถอเนกประสงค์ พอจะลุยได้บ้าง สำหรับคนที่ต้องการความสมบุกสมบัน
รถ Honda Jazz GR เริ่มวางขายในญี่ปุ่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยเลือกเอาวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2020 ในการเปิดตัวขายรถรุ่นนี้ แอบมีความมุ้งมิ้ง แม้แต่การขาย
หลังจากการเปิดตัวใน Tokyo Motor Show 2020 ก็เริ่มมีกระแสข่าวตามมาว่า ฮอนด้า ประเทศไทย จะไม่นำรถรุ่นนี้เข้ามาขาย ด้วยสไตล์ที่ไม่ได้ถูกใจคนไทยเลย สูญเสียตัวตน แล้วจะแทนที่ด้วยรถ Honda City Hatchback ที่มีข่าวการจดทะเบียนชื่อการค้าไว้แล้ว
และในที่สุด เรื่องนี้ก็กลายเป็นจริง เมื่อ Honda City Hatchback เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ในไทยเป็นที่แรกในโลก ภายใต้เรือนร่างซิตี้ 5 ประตู ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
Honda Jazz น่าจะเรียกว่าเป็นรถขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังจะสั่งลาประเทศไทยเพียงในรุ่นที่ 3 เท่านั้น อดีตที่รถรุ่นนี้สร้างไว้ ถือเป็นรถที่ประสบความสำเร็จรุ่นสำคัญของฮอนด้า เพราะมันคือผู้สร้างตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กในไทยตัวจริง และกว่า 20 ปี นับตั้งแต่รถรุ่นนี้ขาย มันอยู่ในใจใครหลายคน
มีคนจำนวนไม่น้อยต้องเคยผ่านมือรถรุ่นนี้ ในฐานะรถคันแรก โดยเฉพาะกลุ่มคนวัย 30-40 ปี ซึ่งในวันนั้นมันคือความสนุกสนาน ครบเครื่องในการขับขี่ ในราคาที่ใช่
เราคงต้องรอดุว่าปฐมบทใหม่ ของ 5 ประตู ฮอนด้า รุ่นเล็ก จะออกมาอย่างไรกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://global.honda/newsroom/news/2020/4200213eng-fit.html
https://global.honda/heritage/timeline/product-history/automobiles/2001Fit.html
https://global.honda/heritage/timeline/product-history/automobiles/2007Fit.html