ตั้งแต่เปิดตัวออกมาวางจำหน่าย อย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว Honda City Hatchback ได้สร้างกระแสความน่าสนใจตัวรถอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ ฮอนด้า มอเตอร์ ตัดสินใจ ทำรถเก๋งขนาดเล็ก ทรง 5 ประตู อีกครั้ง
การมาของ Honda City Hatchback นับเป็นหมากใหม่ เขย่าตลาดวงการรถยนต์ 5 ประตู ขนาดเล็กในประเทศไทย ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่าง Honda Jazz ที่ขายมานานร่วม 20 ปี สู่ตลาดบ้านเรา แม้ว่ารถรุ่นดังกล่าวจะมีขายในอดีต หากด้วยแนวคิดใหม่ มันอาจะไม่ถูกใจคนไทยนัก
อันที่จริงมีเพียงไม่กี่คนที่ทราบว่า Honda City แนวคิดเริ่มต้น ก็เป็นรถ 3 ประตู มาก่อน แนวความคิดรถรุ่นนี้มีขึ้นหลังจากทางฮอนด้ามองถึง อนาคตวันหน้าว่าสังคม คนรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร
แนวความคิดดังกล่าวถูกมองมาตั้งแต่ยุค 70 จนกระทั่ง กลายเป็นโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นแรก แถมยังมากับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กสำหรับพกพา จนกระทั่งในรุ่นที่ 2 ก็ออกมาเป็น 3 ประตู เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่เป็นที่รู้จักของคนไทย มันขายในญี่ปุ่น และตอบรับอย่างดี มีเกรดรุ่นที่เรียกว่า Fit ออกมา
ใช่แล้ว คุณผู้อ่านอาจจะพอเดาได้ว่า ชื่อดังกล่าว ภายหลังพัฒนาจนกลายเป็น Honda Fit หรือที่บ้านเรารู้จักในนาม Honda Jazz ในที่สุด นั่นคือหลังจากที่มันผ่านยุคของ Honda Logo รถ 5 ประตูขนาดเล็ก ในวันวาน
ด้วยเหตุนี้จะว่ากันตามจริงต้นตำหรับ Honda City ที่แท้ทรู ก็คือ รถทรงแฮทช์แบ็คนั่นเอง ขณะที่ฮอนด้า พยายามพัฒนา Honda Jazz ให้สปอร์ตยิ่งขึ้นตามยุคสมัย มาตลอด 3 เจนเนอร์เรชั่น หากในท้ายที่สุด รุ่นใหม่ทางทีมงานผู้พัฒนากลับมองถึงการกลับสู่รากเหง้าดั้งเดิม ในฐานะรถใช้งานทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี
ณ นาที ที่เปิดตัวในงาน Tokyo Motor Show ทุกคนต่างตะลึงแนวทางการออกแบบใหม่ตัวรถ พร้อมกับกระแสข่าวลือที่ตามออกมาแทบในทันทีว่า ในไทย รุ่นที่ขายในปัจจุบัน จะเป็นรุ่นสุดท้ายของ Jazz
หลังจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างในที่สุด Honda City Hatchback ก็เปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ก่อนงาน Motor Expo 2020
ตัวรถมาพร้อมขนาดความยาว 4,349 มม. กว้าง 1,748 มม. สูง 1,488 มม. มีระยะฐานล้อ 2,589 มม. ถ้าเทียบกับรรดาคู่แข่งที่มีในตอนนี้ ถือว่า ใหญ่ที่สุดในตลาด 5 ประตู กลุ่มก้อนรถซิตี้คาร์
เรื่องงานออกแบบ ครึ่งหน้าตัวรถ เรียกว่า ถอดแบบมาจากตัว 4 ประตู จงทุกประการ จุดแตกต่างอยู่ที่ ด้านหลังตัวรถ ปรับให้เป็นทรง 5 ประตู แทนที่ต่อตูดช่วงล่างแบบซีดาน
เอาตามตรง ตอนพบกันครั้งแรกเปิดตัว ณ สามย่าน ไมค่อยโดนใจเท่าไรนัก รู้สึกมันเป็นรถตูดใหญ่ ดูไปบางมุม ทรงนี้ จับไปใส่ช่วงล่างยกสูง น่าจะดูดีไม่น้อย มันไม่ใช่ทรงที่คุณจะเตะตาในแวบแรก จนกระทั่งมองไปเรื่อยๆ ก็เข้าท่าเข้าที
ตัวรถไม่สูงเหมือน Honda Jazz ผู้พี่ที่ขายมานาน ด้วยแนวคิดการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า Wide and Low ทำให้หลังคากดเตี้ยลงมา รถดูแบนขึ้น เส้นงานออกแบบจากช่วงล้อหน้า ลากยาวถึงด้านท้าย
รุ่น RS ที่นำมาขับในวันนี้ เป็นรุ่นท๊อปสุด จากไลน์อัพตัวรถ จากทั้ง หมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- S+
- SV
- RS
ตัว RS เป็นรุ่นแต่งพิเศษ มีราคาขายอยู่ที่ 749,000 บาทเท่านั้น เทียบกับตัวซีดานแพงขึ้น 10,000 บาทเท่านั้น และถ้ามานับยอดผ่อน ก็เดือนละไม่กี่บาทเอง
รุ่นนี้การตบแต่งไม่ได้ต่างจากตัวซีดานเท่าไร แนวความคิดการออกแบบรถใช้คอนเซปต์ Energetic Hatchback ให้ความรู้สึก เป็นรถที่มีความทรงพลังในตัว คล่องแคล่วในการใช้งาน
ด้านหน้า มาพร้อมกระจังหน้าสีดำ พร้อมโลโก้ RS และไฟหน้า LED แบบเกล็ดปลา เทียบกับรุ่นซีดาน ปรับเปลี่ยนช่วงล่างกันหน้า ให้ดูสปอร์ตมากขึ้น
ทางด้านล้ออัลลอยเปลี่ยนใหม่ ให้ขนาด 16 นิ้ว สีเทาดำลายแตกต่างจากตัวซีดาน ทางด้านหลังให้ไฟท้าย LED ประตูท้ายขนาดใหญ่ แต่มีน้ำหนักเบาใช้งานง่าย ชายกันชนล่าง เพิ่มชุด Diffusser มาด้วย รวมถึง สปอร์ยเลอร์หลังคา ดูลงตัวกับเสาอากาศคลีบฉลาม
ในห้องโดยสาร ในภาพรวมก็คล้ายกับตัวซีดาน ไม่ว่า จะคอนโซลหน้า แอร์ออโต้ เรือนไมล์ รุ่น RS ครบเครื่องด้วย Cruise Control และ Paddle ให้ทั้งความสบายและความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น
ตัวเบาะนั่ง เป็นจุดสำคัญ ที่แตกต่าง ด้วยภายในดำหนังกลับผสมผ้ามีลวดลายสีแดง เพิ่มความสปร์ต ส่วนเบาะหลังได้ Ultra Seat อภินันทนาการจาก Honda Jazz มาติดตั้ง ให้ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน
เบาะหลังสามารถแยกพับได้ในอัตรา 60/40 เมื่อพับเบาะจนราบจะได้พื้นที่เรียบต่อกัน สำหรับการบรรทุกสัมภาระ มากเท่าที่ต้องการ
ส่วนใหญ้แล้ว พื้นที่สัมภาระ มักจะบอก ปริมาตรเป็นลิตรฟังแล้ว โคตรงง ใครมันจะเอาน้ำเทเข้าไปในรถ ผมจึงจัดแจงเอาเรื่องง่ายๆ ใช้ตลับเมตรวัดค่าตามพื้นที่ ที่เห็นจริงได้ด้วยสายตา
จากการวัดพื้น เมื่อพับเบาะนั่ง คุณจะมีพื้นที่
- ยาว 161 ซมจากเบาะนั่ง
- กว้าง 105 ซม. จาก ขอบประตูหลัง ซ้ายไปขวา
- สูง 75 ซ.ม. จากพื้นถึงกรอบขอบประตูบน
ถ้านึกไม่ออกว่ามันกว้างแค่ไหน จากที่ผมลองนำของชิ้นใหญ่ อย่างจักรยานเสือหมอบ ขนาด 54 ยัดใส่ไปในรถ โดยไม่ถอดล้อสามารถทำได้สบายมาก เอาเข้าเอาออก ก็ง่ายไม่กังวล แต่อย่างใด
ในเรื่องการโดยสารตอนหลัง มีพื้นที่กว้างขวางมาก ท่านั่งไม่ได้ลดต่ำลงมากนั่ง แถมเบาะนั่งทำออกมานุ่มนั่งสบาย แม้จะเป็นคนร่างสูงใหญ่ ก็มั่นใจว่า จะนั่งได้สบายตลอดการเดินทาง ซึ่งในรุ่น RS คนนั่งหลังจะได้ที่เท้าแขน มาเพิ่มเติม รวมถึงการตัดเย็บ ยังคล้ายเบาะนั่งตอนหน้าด้วย
การวิศวกรมตัวรถ
ใต้เรือนร่าง Honda City Hatchback มาพร้อมการวิศวกรรม ที่มีการปรับปรุงใหม่ ที่แน่ๆ โครงสร้างรถ ถูกพัฒนาให้ความแข็งแรงโครงสร้างแชสซี 6% รองรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตมากขึ้น แต่นั่นกลับทำให้มันเบากว่ารุ่นซีดาน 7.3 กก.
เครื่องยนต์ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นซีดานใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 3 สูบเทอร์โบชาร์จให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ขับลงชุดเกียร์ CVT ให้อัตราทด 2.544-0.402 ผ่านลงเฟืองท้าย 4.992
ความมั่นใจในการขับขี่เป็นหน้าที่ของระบบช่วงล่างแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และด้านหลัง เลือกใช้ ระบบช่วงล่างแบบทอร์ชั่นบีม ตามสูตรรรถยนต์นั่งขนาดเล็ก รุ่น RS ให้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และเปลี่ยนจากยาง Maxis มาเป็น ยาง Yokohama AE51 มันบังคับเลี้ยวง่ายด้วยแร๊คพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
ท้ายสุด การสั่งหยุด เป็นหน้าที่ของระบบเบรกแบบ หน้าดิสก์ เบรก หลังดรัมเบรก เหมือนกัน กับรุ่นซีดาน
การทดลองขับขี่
การเปิดตัว Honda City Hatchback น่าจะเรียกว่า ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ด้วยตัวรถทรวดทรง 5 ประตู ที่กำลังได้รับความนิยมจากชาวไทย
ที่แน่ๆ ซิตี้ ขึ้นแท่นรถ 5 ประตู ที่มีขนาดมิติตัวถังใหญ่ที่สุด ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กในวันนี้ แถมยังเป็นรถ่นเดียวในตลาดด้วยที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ตอบตลาด
การพบกันครั้งที่ 2 ผม ตั้งใจจะโฟกัสไปที่เรื่องการใช้งานในความเป็นจริงมากกว่า เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ ชาร์จ ยังคงต้อนรับการขับขี่ด้วยสมรรถนะการขับขี่ทันใจ เหยียบเป็นมาถูกใจ สายซิ่ง ที่ต้องการความเร้าใจ
การเซทแรงบิดสูงสุด ออกมาระนาบต่อเนื่อง 2,000-4,500 รอบต่อนาที ช่วยให้การกดคันเร่งเพียงเล็กน้อย รถก็จะตอบสนองว่องไวทันใจ
ยิ่งในจังหวะ เข้าโหมด S แล้วมาสับเกียร์เองด้วย Paddle shift ยิ่งเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ได้อรรถรสกว่าขับปกติขึ้นไปอีก กลายเป็นข้อดีโดดเด่น ของเครื่องยนต์บล็อกนี้เลยก็ว่าได้ แต่การใช้ Paddle shift เท่าที่ลองๆ ดู มัน็มีข้อจำกัด อยู่บ้าง การตอบสนองจะช้าเล็กน้อย อย่าหวังว่ามันจะทันใจแบบเกียร์ธรรมดา จังหวะ เกียร์ที่ตอบได้ถึง 7 สปีด ตามที่เราต้องการ บางครั้งเกียร์พบว่า อาจจะทำให้รอบพุ่งพรวดได้ ก็จะไม่เปลี่ยนให้ ต้องชะลอความเร็วก่อนสักนิด จึงจะเปลี่ยนได้
ถึงจะใช้เครื่องยนต์เดียวกัน แต่ด้วยตัวเล็กกว่าสั้นกว่า ทำให้มันมีความสามารถทางด้านอัตราเร่งดีกว่า โดย
- อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม ดีที่สุด อยู่ที่ 10.9 วินาที
- อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม ดีที่สุด .อยู่ที่ 6.8 วินาที
ถือว่าตอบสนองดีกว่า ซีดานเล็กน้อยในแง่ความสามารถในการขับขี่ แต่ส่วนใหญ่อัตราเร่งจะอยูที่ 11 วินาที ถือว่าเร้าใจเอาเรื่องพอสมควร
แต่อย่าให้อัตราเร่ง บดบังความสามารถทีแท้จริงของรถรุ่นนี้ ด้วยโครงสร้างที่มีความแข็งแรงกว่าเล็กน้อย ทำให้ คุณสัมผัสได้ทันทีว่า ช่วงล่างรถรุ่นนี้แข็งกว่าตัวซีดานนิดหน่อย มันยังตอบสนอง ยุบและยืดเร็วกว่า อาจไม่ใช่ รถที่นั่งสบายที่สุด แต่เห็นได้ชัดเจนว่าทางทีมวิศวกร พยายามรอมชอม ความสามารถในการขับขี่กับความสบายในการโดยสารมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความโดดเด่นที่แท้จริงของ เจ้า 5 ประตู อยู่ที่เวลาคุณขับใช้ความเร็วแล้วต้องการมุดไปมา ท่ามกลางจราจร จะรู้สึกว่า ตูดสั้น จะไวไหลลื่น มั่นใจเวลาเลื้อยไปมาตามการจราจร
ถึงจะพูดแบบนั้น ในความท้ายสั้นสะโอดสะอง ก็อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจบ้าง เวลาขับใช้ความเร็ว แล้วทิ้งตัวเข้าโค้ง จะสัมผัสได้ทันทีว่า ท้ายรถ เหมือนจะพยายามออกอาการไปตามแรงเหวี่ยงค่อนข้างง่าย รู้สึกท้ายไวไปหน่อย นั่นเป็นธรรมดาและธรรมชาติของรถท้ายสั้นแบบนี้
สำหรับใครที่ไม่เคยผ่านรถ 5 ประตู มาก่อน อาจจะขับแรกๆ แล้วรู้สึกแปลกๆ ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยสักพัก จนเข้าที่เข้าทาง จะพอจับทางได้ว่า เวลาเข้าโค้งหน้าไปท้ายตาม คุมง่าย หายห่วง
ความกังวล ส่วนใหญ่จะอยู่ในยาม เข้าโค้งกว้าด้วยความเร็ว เรื่องนี้จะกลับตาลปัตร ทันที เมื่อคุณไปจนทางโค้งต่อเนื่อง อย่างทางบนเขาในภาคเหนือ ท้ายว่องไวดุกดิก รวดเร็ว คนขับจะรู้สึกสนุกกับการควบคุมรถไปในทางแบบนี้ได้ดั่งใจ แต่ถ้ามีผู้โดยสารก็เรียนตามตรงว่า เพลาๆ ลงหน่อย ก็ดี คนนั่งหลังรถแฮทช์แบ็ค จะเจอแรงเหวี่ยงมากกว่า คนนั่งหน้า
เมื่อประกอบกับ ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม และโช๊ค ที่เซทให้แข็งขึ้นกว่ารุ่นเดิม ก็ต้องบอกว่า การโดยสารตอนหลังดีไม่สู้ตัวซีดานแน่ แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมเดินทาง ก็พร้อมต้อนรับเสมอ
นอกจากช่วงล่างที่แข็งกว่าเล็กน้อย ตามที่เราบอกไปเมื่อสักครู่ การบังคับเลี้ยว ตัวซีดานและ 5 ประตู นั้นก็ไม่ได้ต่างกันนัก
อย่างไรก็ดี ความรู้สึกส่วนตัวกลับรู้สึกว่า การเบรกของ แฮทช์แบ็ค ให้ความมั่นใจกว่าพอสมควร การสั่งหยุดเป็นไปได้ดั่งใจ อาจจะด้วยน้ำหนักตัวเบากว่าเล็กน้อย และอานิสงค์จากทางโครงสร้าง จึงรู้สึกมั่นใจกว่า ที่สำคัญ กระทืบเบรกแรงๆ แล้วมั่นใจได้ ท้ายไม่ไหล ให้รู้สึกเสียวแน่นอน
หลังจากขับมาหลายวัน ถ้าจะถามว่า แล้วตัวแฮทช์แบ็ค ประหยัด กว่าตัวซีดานไหม ก็ต้องตอบกันตามตรงครับว่า ซดกว่าเล็กน้อย
ตารางแสดงอัตราประหยัดเปรียบเทียบ Honda City Sedan และ แฮทช์แบ็ค
Sedan | Hatchback | |
ในเมือง | 12.76 | 11.81 |
Bonn Test mode | 17.95 | 17.07 |
แน่นอน ว่า ด้วยทรงท้ายแฮทช์แบ็คนั้น ทำให้มีผลต่อเนื่องต่อหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่เหมือนกับตัวซีดาน ที่อากาศจะไหลจากฟลัคาไปยังบั้นท้าย ก่อลมหมุนทางด้านท้ายน้อยกว่า ทำให้มันซดกว่า 7.4% เมื่อขับขี่ในเมือง ซึ่งก็มาจากการต้องใช้การเร่งออกตัวบ่อยครั้ง ขณะที่ในภาพรวมมันขับซดกว่าเพียง 4.9%
ดังนั้น จะซื้อ Honda City Hatchback ต้องทำใจว่าอัตราประหยัดของมัน อาจสู้ซีดานไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง กลับกัน คุณได้อย่างอื่นมาแทน นั่นคือ ความสปอร์ต ฟังชั่นใช้งาน ซึ่งถ้าถามก็พอจะแลกกันได้ อย่างน้อยก็จำเป็นต้องไปซื้อรถอเนกประสงค์
สรุป รีวิว Honda City Hatchback ทรงใหม่ขับมันส์ แทน Jazz แน่นอน
หลังจากได้เอา รถรุ่นนี้กลับมาขับอีกครั้ง ผมต้องยอมรับว่า หลังลองขับ รีวิว Honda City Hatchback ให้ความรู้สึกที่มีความเร้าใจในการขับขี่กว่าซีดาน และเ่ชนเดียวกัน ขับสนุกกว่า Honda Jazz หลายขุม
ช่วงล่างที่ดูแข็งและตอบสนองเร็วขึ้น ทรงรถเตี้ยสไตล์เก๋ง ทำให้มันได้ความสปอร์ตมาเต็มๆ ผมมเคยมีโอกาส คุยกับหนึ่งในวิศวกร ที่พัฒนารถรุ่นนี้ เขาบอกว่า แรงบันดาลใจตัวรถ มาจาก Honda Civic EK9 ที่เคยได้รับความนิยม ขาตั้งใจให้รถดูสปอร์ตตอบการขับขี่ และสามารถใช้งานได้ทุกวัน
คงไม่สามารถปฏิเสธได้เลว่า การมาของรถรุ่นนี้ทำให้เรานึกถึงวันวานของ Honda Civic 3 ประตู ที่มีความสามารถในการใช้งานทรวดทรงคล้ายๆกัน ผมแอบแปลกใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่า ฮอนด้า ตั้งใจจะเอารถรุ่นนี้มาแทน ฮอนด้า แจ๊ส แม้จะปฏิเสธอย่างแข็งขัน มันก็เป็นความจริง ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
เมื่อมองจากยอดจองยอดขายที่เริ่มรอรถ 3-4 เดือน ก็ดูจะเป็นไปตามทิศทางที่ฮอนด้าคาด มันให้สไตล์สปอร์ตพกความประหยัด เครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ ยิ่งให้ความลงตัวกับรถรุ่นนี้มากขึ้น ด้วยสมรรถนะเร้าใจ อัตราเร่งของมันดีกว่า ตัวซีดาน เสียอีก และนั่นทำให้คุณน่าจะชื่นชอบมันแน่นอน
ยิ่งมองราคาด้วยแล้วไม่ได้แพงอย่างที่หลายคนคิด ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท และ สูงสุด ในรุ่น RS แบบ ที่นำมาขับอยู่ที่ 749,000 บาท ถ้าคุณชอบความครบก็มารุ่น RS ได้ลุคสปอร์ต มาตั้งแต่แรกเริ่ม เพิ่มความน่าสนใจให้ตัวรถ
ข้อมูลตัวรถจาก Honda ประเทศไทย
ขอบคุณ ฮอนด้า ออโต้โมบิล ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Honda City Hatchback RS