ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ต้องยอมรับว่า Honda City ใหม่ สร้างความสนใจให้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็กมากขึ้น ด้วยทรวดทรงปรับให้ทันสมัย ดูดีมากกว่ารุ่นเดิม และปีนี้ เป็นครั้งแรกที่มีรุ่น 5 ประตู Honda City Hatchback มาขาย
โครงการพัฒนา Honda City Hatchback ตกเป็นข่าวมาตั้งแต่ตอนรุ่นซีดานวางจำหน่าย โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาตอนไปทดสอบรุ่นซีดาน ก็เคยมีโอกาสถามทางทีมวิศวกร ว่าตกลงเจ้า 5 ประตูนี้ คำตอบจากคำถามนี้ คือ ทีมวิศวกร แสดงท่าทางเอามือปิดปากไม่ยอมตอบ นั่นเป็นสัญญาณ ที่ทำให้เราคิดว่ามันมีจริง
จนกระทั่งในช่วงคนไทยปิดเทอม โควิด ก็เริ่มมีภาพรถทดสอบออกมาต่อเนื่อง จนในที่สุด เจ้า ซิตี้ 5 ประตู ก็เริ่มมีข่าวเตรียมเปิดตัววางจำหน่าย และเผยโฉมออกมาในที่สุด
หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนว่า ก่อนที่ Honda City จะมาเป็นร่างซีดาน ในอดีตทางฮอนด้า รถรุ่นนี้ทำรุ่น 3 ประตู และ 5 ประตู มาก่อน จนกระทั่งล้างลา เปลี่ยนมาเป็นซีดาน
ข้อมูลการรีวิว
- รายละเอียดภายนอก
- รายละเอียดภายในห้องโดยสาร
- การทดลองขับ
- เปรียบเทียบกับ Honda Jazz
- สรุปข้อมูลการรีวิวทดสอบ
ภาพลักษณ์สปอร์ตโดนใจ
การกลับมาครั้งนี้ ฮอนด้าวางแนวทางการเป็น 5 ประตู เต็มอารมณ์ สปอร์ต ภายใต้แนวคิด Energetic Hatchback ออกมาตอบภาพความสปอร์ต สดใส สนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนในรถตระกูล ฮอนด้าซิตี้ที่วางจำหน่ายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตัวรถ Honda City Hatchback นำเสนอ รายละเอียดด้วยตัวตนใหม่ที่มีความสปอร์ตมากขึ้นตั้งแต่แรกเห็น ครึ่งคันหน้าตัวรถ พูดได้เต็มปากว่า เหมือนกับตัวซีดานไม่ผิดเพี้ยน จุดแตกต่างหลัก คือการหดท้ายห้องสัมภาระซีดานลง แล้วเกลาเป็นทรง 5 ประตู ไฟท้ายปรับเปลี่ยนใหม่ เพิ่มเติมความสปอร์ต เช่นเดียวกับลายล้อแม็กใหม่ ที่ให้ความรู้สึกในทางเดียวกันด้วย
เปรียบเทียบขนาดตัวรถกับรุ่นซีดาน ตัวแฮทช์แบ็คยังคงเป็นรถที่ดูตามแนวทางใหม่ฮอนด้า ด้วยแนวคิดออกแบบตัวถังให้เตี้ยลงและกว้างขึ้น ความสูง,ระยะฐานล้อไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นซีดาน เพียงแค่ตัดตูดให้สั้นลง -208 มม. จากรุ่นซีดาาน กลายเป็นรถท้ายกุดดูอมสปอร์ตยิ่งขึน
ที่ขับในวันนี้เป็นรุ่น RS ฮอนด้าเติม่ความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้วลายสปอร์ต กันชนท้ายสั้นกว่าตัวปกติอีก 4 มม. มันมาพร้อม ดิฟฟิวเซอร์ ที่มีความแตกต่าง องค์รวมตัวรถ ดูสปอร์ตได้ใจเท่ห์ได้ที่ โดยเฉพาะสายซิ่งที่อยากจะนำไปแต่งต่อ
ภายในเหมือนกัน เปลี่ยนครึ่งให้ได้มากกว่า แค่นั่ง
ด้านในห้องโดยสารวางโจทย์คล้ายภายนอก ปรับเปลี่ยนครึ่งหลังเป็นต้นไป โดยการออกแบบท่านั่ง9ตอนหลังของรุ่น 5 ประตู ทำออกมาในลักษณะ DIVE Down Seat นั่งแล้วดูตัวจมลงไป แต่เอาเข้าจริง จากที่ลองนั่งเบาะตอนหลังสั้นๆ รู้สึกว่า มันไม่ได้มีความแตกต่างจากตัวซีดานนัก
ท่านั่งออกแนวกระเดียดไปทาง Honda Jazz ตัว GE ด้วยซ้ำ นั่งแล้วขาตั้งฉาก ไม่ได้เลาดเอนมากแบบที่บรรยายตอนแรก ยังดีแผ่นหลัง รู้สึกว่าเอนมากกว่ารุ่นซีดาน นับเป็นข้อดี
ตัวเบาะหลังเอง ออกแบบใหม่เป็นระบบ Ultra Seat ผิดกับซีดานดีอย่างเดียวเรื่องการนั่ง นั่นช่วยให้มีฟังชั่นใช้งานหลากหลาย จะพับเบาะหลังเต็ม วางของชิ้นใหญ่ ,จะยกเบาะขึ้น เพื่อวางของที่มีความสูง หรือจะปรับพับเฉพาะด้านซ้าย เพื่อวางของที่มีความยาว และใครสายแคมปิ้งหรือชอบนอนในรถ อาจจะอยากลอง Relax Mode เอาเบาะคู่หน้ามาต่อเป็นที่นั่งยาวกับเบาะตอนหลัง ก็ดูสบายไม่น้อยเช่นกัน
ด้วยการเป็นรถ 5 ประตู ทำให้ พื้นที่การเก็บสัมภาระและความอรรถประโยชน์ เป็นเรื่องสำคัญ หากวัดพื้นที่สัมภาระท้ายใขณะไม่พับเบาะหลัง มันจะมีพื้นที่ยาว 730 มม.จากท้ายรถ ถึงท้ายเบาะนัง ทางฮอนด้า เผยว่าสามารถใส่รถเข็มเด็ด, ใส่กระเป๋าเดินทาง 21 นิ้วได้ 4 ใบ เมื่อพับเบาะนั่ง ลงทั้งหมด จะมีพื้นที่ยาว 1,630 มม . นั่นเพียงพอต่อการขนจักรยานเสือภูเขาแบบถอดล้อได้ 2 คัน สบายๆ ให้ความอรรถประโยชน์ในการใช้งาน
เรื่องการตบแต่งภายใน เน้นสีแดง เพิ่มความรู้สึกสปอร์ตในการขับขี่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรุ่น RS ได้การตบแต่งสีแดงที่เบาะนั่ง , การเรืองแสงที่เรือนไมล์ และสวิทช์แอร์ รวมถึงการเดินด้ายแดง รู้สึกถึงความลงตัวยิ่งขึ้น
ใตเรือนร่างยังคงประจำการด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จไม่เปลี่ยนแปลง ตอบการขับขีด้วยกำลังสูงสุด 122 แรงม้า สูงสุดที่ 5,200 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที ส่งลงชุดเกียร CVT ตอบการขับขี่ รุ่น RS จะมี Paddle Shift ช่วยในการขับขี่ หรือจะซิ่งก็ได้ตามใจ
การทดลองขับ
การ ลองขับ Honda City Hatchback บนเส้นทาง กรุงเทพ-เขาใหญ่ ที่คุ้นเคย จึงต้องบอกตามตรงว่า รูปแบบการทดสอบ จึงเป็นเส้นทางนอกเมืองทั้งหมด
เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบกำลังวังชาเท่ากับตัวซีดาน ยังสำแดงฤิทธิ์เดช ตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ ทำให้ความรู้สึกอารมณ์สปอร์ตจัดเต็ม ยิ่งในช่วงเดินทางความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. กดเป็นมา เร่งแซงง่ายคล่องตัวสุดๆ
ถึงแม้จะใช้เครื่องยนต์เดียว แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่า ฮอนด้าเซทการตอบสนองเกียร์ กระชากกว่าที่เคยสัมผัสในตัวซีดาน ทุกครั้งที่เดินคันเร่งลึก ชุดเกียร์ก็จะลดทอนกระชากให้รู้สึกถึงความสปอร์ตในการขับขี่ ลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย อาจจะไม่ชอบอาการนี้ เท่าไรนัก ด้วยมันไม่สบายเนียน นุ่มนวลเหมือนตัวซีดาน ที่เคยผ่านมือเมื่อต้นปี
การปรับชุดเกียร์ไม่ใช่อย่างเดียวที่ผมสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของ Honda City Hatcback ตัวรถยังปรับบุคคลิกอีกหลายจุดเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ ระบบพวงมาลัยมีบุคคลิกต่างออกไป มันดูคมขึ้น ตอบสนองดีขึ้น เหมือนจูนให้กระชับกว่ารุ่นซีดานอีกสีกสักหน่อย เพื่อให้คุมรถได้ดีขึ้น
ตลอดจนระบบกันสะเทือน แม้จะเป็นรุ่น RS ใช้ล้อ 16 นิ้ว เหมือนกัน ก็กลับสัมผัสถึงความแข็งกระด้างกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจังหวะหลุมและคอสะพานกระโดด ผู้ใหญ่จะไม่ชอบอาการนี้เท่าไรนัก จะรู้สึกว่ารถขับไม่สบาย
ถึงผมจะพูดว่า Honda City Hatchback ขับไม่สบายเมื่อเทียบกับซีดาน แต่ในทางกลับกัน มันเหนือชั้นกว่าในการขับขี่ ด้วยบุคคลิกความสปอร์ตตอบโจทย์ ไม่ว่า พวงมาลัยที่คมกว่า , ช่วงล่างที่แข็งและหนึบกว่า
ช่วงล่างที่แข็งกว่านั้น เหมือนจะมีการปรับโช๊คอัพใหม่ แต่ที่จริง ทางวิศวกรบอกเราว่า ทั้งหมด ก็มาจาก Body Rigidity ที่มีความแข็งแรงกว่ารุ่นซีดานอีก 6% รวมถึงยังปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการทรงตัวให้เหมาะกับบุคคลิกรถด้วย
คนที่ไม่เคยผ่ามือแฮทช์แบ็คมาก่อนจะพบว่า รถดูโยนๆ เมื่อขับใช้ความเร็ว นั่นก็ไม่แปลกอะไร ด้วยตูดและระยะยื่นที่สั้นกว่าทางด้านท้าย การควบคุมรถคันนี้ยังเป็นหน้าไปได้ท้ายก็ไปได้เหมือนเดิมเวลามุด และคล่องตัวกว่า เนื่องจากตัวรถช่วงสั้น
แต่เวลาเข้าโค้งอาจจะต้องระวังมากขึ้นในการเดินคันเร่ง โดยเฉพาะโค้งกว้าง ถ้าเข้าแรงไปจะรู้สึกได้ทันทีว่า รถท้ายออกอย่างรวดเร็วจนบางครั้งรู้สึกไม่มั่นใจดูโคลงเคลงบ้าง แต่ถ้าโค้งแคบโค้งต่อเนื่อง สบายมาก ท้ายและช่วงสั้นของรถ จะช่วยให้คุณควบคุมง่ายทุกการขับขี่
ถึงภาพลักษณ์เจ้า 5 ประตู จะพยายามให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่าอื่นใด แต่ถ้าคุณยังกังวลค่าใช้จ่ายเรื่องการประหยัดน้ำมัน ก็ยังตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยระบบ idling stop รวมถึงน้ำหนักตัวถังเบากว่าเดิม 7.3 กิโลกรัม อาจจะฟังไม่มาก แต่จากการทดสอบ เราขับด้วยความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. เดินทางไปเรื่อยๆ ก็ทำอัตราประหยัดได้ 15.8 ก.ม./ลิตร ถือว่าน่าพอใจ
เทียบกับ Honda Jazz สักหน่อย
แน่นอนหลายคนคงมีคำถามคาใจ ว่า ถ้าเทียบกับ ฮอนด้า แจ๊ส 5 ประตู ที่ขายมานานในไทย เป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่า มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างพอสมควร
ตัวรถฮอนด้า แจ๊ส ออกแบบมาเป็นทรงกึ่ง MPV ให้หลังคาค่อนข้างสูง มีความสูงโปร่งในการใช้งานมากกว่า นอกจากนี้ จากสไลด์ที่ทางฮอนด้านำเสนอ เราพบว่า แจ๊ส เป็นรถทีออกแบบมาสำหรับการใช้งานในเมืองอย่างแม้จริง มีช่วงหน้าสั้นท้าย และเน้นการใช้งานช่วงลำตัวรวมถึง ท้ายปิดตั้งฉาก ทำให้พื้นที่ใช้สอยโดดเด่นเด่นกว่า แม้ขนาดจะสั้นกว่า
ในส่วนฮอนด้า ซิตี้ แม้จะมีความยาวกว่า และดูมีพื้นที่กว้างพอสมควร แต่ ความสูง ของ แจ๊ส ก็ดูจะเป็นประโยชน์กว่า อย่างเดียวที่รุ่นนี้ดีกว่า เป็นเรื่องการขับขี่สไตล์สปอร์ต เบ็ดเสร็จออกมาจากโรงงาน ด้วยตัวถังเตี้ย-กว้าง ทำให้รถรุ่นนี้ตอบการใช้งานได้ใกล้เคียง แถมยังมีสมรรถนะการขับขี่กว่าด้วย
จะเรียกว่าเป็นตัวแทนของ Honda Jazz ก็พอเป็นไปได้ครับ เว้นแต่คุณจะเน้นการบรรทุกพับเบาะขนของ ซึ่งความจริงก็น้อยครั้งที่จะทำแบบนั้น เว้นแต่คุณ เป็น SME เจ้าของกิจการ ซึ่งก็คงไม่มีใครจะขนของชิ้นโตๆทุกวันในรถนั่งหรอก จริงไหม
สรุป Honda City Hatchback ครบครันให้อารมณ์สปอร์ต
หลังจาก ลองขับ Honda City Hatchback ผมเข้าใจแล้วว่า ฮอนด้า สร้างเจ้า 5 ประตู คันนี้ ออกมาตอบกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์ หลากหลาย ไม่ว่าจะมีกิจกรรมในชีวิตมากมาย พกฟังชั่นอเนกประสงค์ที่ครบครัน และการประหยัดน้ำมันครบเครื่อง หรือ จะชอบการขับขี่รถตอบสนองได้ดีกว่า ทรงซีดานอันแสนน่าเบื่อ
หลายคนอาจมองนี่เป็นเพียงการหั่นตูดลดความยาว ให้ฟังชั่นใช้งาน แต่หลังขับผมว่ามันไปไกลกว่านั้นมาก มันมีความโดดเด่นในสไตล์ที่ ฮอนด้า ซิตี้ไม่เคยเป็นมาก่อนในเรื่องความสปอร์ต ครบเครื่องจนซิ่งออกจากโชว์รูมได้เลย
วิศวกร ถามผมว่า ผมชอบไหมตัวแฮทช์แบ็ค ในระหว่างที่มีโอกาสคุยกัน ผมตอบว่า ชอบนะ ดีไซน์ออกมาลงตัวดีทีเดียวการขับขี่ก็ดี สายสปอร์ตสายซิ่งชอบมาก แค่ก็แอบเสียดายนิดๆ ตรงที่ทำมาสปอร์ตขนาดนี้ น่าจะลองทำรุ่นเกียร์ธรรมดา วางขายบ้าง อาจจะลองทำเป็นรุ่นลิมิเต็ด 400-500 คัน ออกมา
ใครจะรู้บางทีคนวัยเก๋าชอบซิ่ง อาจจะอยากซื้อก็ได้
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ ฮอนด้า ออโตโมบิล ที่เอื้อเฟื้อเรียนเชิญ ร่วมทดสอบ Honda City Hatchback