กลายเป็นศึกระอุที่น่าสนใจ ขึ้นมาทันที หลังจากบริษัทรถยนต์ 3 ราย เปิดเผย ว่าที่รถเก๋งที่ได้รับความนิยมในไทย และมีแววว่าจะเข้ามาขายในเร็วๆ นี้ด้วยและวันนี้เราจะขอนำเพื่อนๆ มาชมรถใหม่ทั้ง 3 คัน อีกครั้ง ประชันกันว่าคันไหนโดนใจคุณๆมากกว่ากัน

Mazda 3   ใหม่

มาสด้า 3 เป็นรถที่มีกระแสข่าวว่าจะเข้ามาขายในไทย มาตั้งแต่เมือ่ประกาศข่าวตั้งแต่ต้นปี โดยเจ้ารถยนต์  Mazda 3   ใหม่ นั้นมีการโชว์ตัวไปแล้วที่ประเทศสิงคโปร และ คาดว่าจะเริ่มขายในประเทศไทย ช่วงกลางปีนี้ ซึ่งเราคาดว่าอาจจะเข้ามาในเดือน กรกฎาคมโดยประมาณ

Mazda 3   ใหม่

ตัวรถรุ่นใหม่ ที่เราให้ดูนั้น เป็นรุ่นซีดาน หลักๆ คือการกลับไปยังรายละเอียด ตัวตนมาสด้าดั้งเดิมที่ทำตลาดก่อนหน้านี้ ด้วยการเป็นรถท้ายสั้น หน้ากระโปรงยาว เส้นสายรุ่นใหม่ ดูคลีนสะอาดตาไม่ได้มีรายละเอียดมาก  รุ่นใหม่ได้การออกแบบ   kodo Design 2.0  ให้กระจังหน้าขนาดใหญ่ ดูภูมิฐาน และสปอร์ตมากขึ้น

ในส่วนภายใน ออกแบบมารองรับ 4 ที่นั่ง  เน้นความสปอร์ตทันสมัย ดูกลมกลืนลงตัวต่อการใช้งาน   มาพร้อมห้องสัมภารท้ายขนาดใหญ่กว่าเดิม แม้ว่าจะดูท้ายสั้นก็ตามที

ส่วนเครื่องยนต์ในบ้านเรา เชื่อว่า น่าจะเป็นเครื่องยนต์   Mazda Skyactiv G2.0   ในรุ่นปกติ และเราอาจได้ลุ้นเครื่องยนต์   Mazda Sky Activ X   ในรุ่นท๊อปออพชั่นด้วย

ชมตัวจริง Mazda 3 ใหม่ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Toyota Corolla  Sedan 

แม้ว่าเราจะไปขับ   Toyota  Corolla  Sport   ที่ประเทศญี่ปุ่นกันมาแล้ว แต่เชื่อว่า   Toyota Corolla  รุ่น 4 ประตู น่าจะเป็นกำลังหลักเข้ามาฟาดฟัน ตลาดคอมแพ็คคาร์ในปีนี้ อย่างแน่นอน

Toyota Corolla

ตัวรถรุ่นใหม่ ได้ โครงสร้างใหม่  Toyota  TNGA   ที่มีความแข็งแรงมากขึ้น ไฮไลท์การเปลี่ยนแปลงสำคัญ จึงน่าจะอยู่ที่การตอบโจทย์การขับขี่ดีขึ้นผิดหูผิดตา เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม คล้ายกับที่นำเสนอใน   Toyota  C-HR   ไปแล้วก่อนหน้านี้ 

หลักๆการพัฒนาโครงสร้างใหม่ที่แข็งแรงขึ้นมาพร้อมระบบช่วงล่างหลังใหม่ เป็นปีกนกอิสระ 2 ชั้น ด้วย

ส่วนในเรื่องการออกแบบ อัพเดทจากเดิม ในส่วนกันหน้า ไฟหน้า ตลอดจนไฟท้าย ขนาดตัวรถ เชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนจากเดิมมากมายนัก 

อย่างไรก็ดี ในส่วนเครื่องยนต์ ยืนยันจากเวอร์ชั่นในไต้หวันแล้วว่า จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รุ่นเดิม ต่อไปอีก ไม่ได้หันมาใช้เครื่องยนต์   Dynamic Force   รุ่นใหม่ แบบที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย จะมีโอกาสต้อนรับเครื่องยนต์ 1.8 ไฮบริด ในเก๋งคอมแพ็ค

ถ้าเป็นไปตามนี้จริง  Toyota Corolla   ใหม่ จะเป็นรถคอมแพ็ค รุ่นเดียวในตลาด ที่มีรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดให้เลือก ซึ่งมันจะมีระบบ   Toyota  T Connect   และ  Toyota Safety sense

Nissan  Sylphy   

ตั้งแต่เผยโฉมในประเทศ จีน เราต่างทราบดีกว่า นี่คือ ว่าที่  Nissan  Sylphy   ใหม่ โฉมที่เข้าใจว่าจะนำมาขายในไทยในอนาคต แต่จะอนาคตนานขนาดไหน ยังไม่มีใครบอกได้

Nissan Sylphy ใหม่

ตัวรถในเวอร์ชั่นใหม่ ทางนิสสัน ต่างจากเพื่อน ที่เตรียมทำตลาด ด้วยการหันมาเอาจริงเอาจังกับงานออกแบบ ด้วยเส้น   V Motion  2.0   อัพเดทไปทางความหรูหราทันสมัย จนเหล่าว่าค่าสัมประสิทธิเสียดทานต่ำถึง 0.26 เท่ากับ   Nissan  GT-R   

Nissan Sylphy ใหม่

ส่วนเครื่องยนตต์นั้นทางบริษัท เผยในเบื้องต้นเพียงว่าจะใช้เครื่อง 1.6 ลิตร เดิม พัฒนาใหม่ ควบกับเกียร์   X Tronic  CVT   ซึ่งสามารถพิชิตอัตราประหยัดได้  20.4 ก.ม./ลิตร ตามข้อมูลของทางนิสสัน ซึ่งถ้าเป็นจริงมันจะเป็นคอมแพ็คคาร์ที่ประหยัดที่สุดในตลาด เมื่อวางขายจริง

แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่ทางนิสสันอาจจะวางแผนอื่นๆ ไว้อีก เนื่องจากนี่เป็นเพียงการเปิดตัวในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ที่แน่ๆ ว่าที่  Nissan Sylphy   ใหม่ จะทันสมัยมากขึ้น ตามข้อมุลจากในประเทศจีน มีระบบความปลอดภัยใหม่ๆ ด้วย แต่นั่นหมายความว่า มันต้องไม่ถูกทอนออพชั่นเมื่อมาถึงไทย  ซึ่งคงต้องลุ้นกันว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อจำหน่ายจริง

อ่านไหม 4 เรื่อง ที่คุณควรรุ้เกี่ยวกับ Nissan Sylphy ใหม่

สรุป 3 ทหาร เสือ คอมแพ็คคาร์ใหม่ จุดเด่นอะไรบ้าง

เมื่อมาดูทั้ง 3 ว่าที่รถคอมแพ็คคาร์ใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาทำคาดในไทย ตั้งแต่กลางปีนี้ ไปจนถึง ต้นปีหน้า เราน่าจะเห็นอะไรบ้าง

  1. Mazda 3   ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิต รและ Mazda Sky Activ X  ใหม่ พร้อมงานออกแบบ สุดหรู พรีเมี่ยมตามสไตล์
  2. Toyota Corolla   ซีดาน ใช้เครื่องเดิม และอาจจะมีรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ไฮบริด เข้ามาตอบตลาด ภาพรวมจะเป็นรถที่ขับดีขึ้น
  3. Nissan  Sylphy  ใหม่ (ถ้านิสสันตัดสินใจข้ามตัวหน้าไมเนอร์เชนจ์) ก็จะเป็นรุ่นใหม่ทันที มันมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่น่าจะประหยัดที่สุดในหมู่คอมแพ็คคาร์ ดีไซน์โดนใจ และล้ำสมัย มากกว่าปัจจุบัน หลายขุม

จากทั้ง 3 คัน คุณจะเห็นได้ว่า รถทั้งหมด มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ  ในแบบที่แต่ละแบรนด์วางแผนกันไว้ แต่ที่แน่ๆ นี่เป็นโอกาสดีสำหรับคนที่ต้องการ อัพเกรดรถไปสู่กลุ่มใหม่  ปีนี้คุณจะมีทางเลือกคอมแพ็คคาร์ ใหม่ๆ เพียงแต่อย่างรีบตัดสินใจแล้วกัน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่