ในหลายปีทีผ่านมา ต้องยอมรับว่ าทางค่ายรถยนต์ Haval ขึ้นมาอยู่ในระดับหัวแถวตลาดรถยนต์ Compact Crossover ด้วยการมาของ รถยนต์ Haval H6 จนปีทีผ่านมา ก็แตกไลน์ ออกมาเพิ่มเป็น Haval H6 PHEV รุ่น ไฮบริดเสียบปลั้ก ที่ทำให้หลายคนสนใจไม่น้อย

Haval H6 PHEV เป็นเวอร์ชั่นที่สูงกว่า ของ Haval H6 ด้วยการแนะนำ เทคโนโลยีไฮบริดเสียบปลั้ก เข้าประจำการในรถยนต์อเนกประสงค์ โดยคู่แข่งในตลาดก็มีเพียงไม่กี่ค่ายเท่านั้น ที่อยู่ในระดับราคาเดียวกันไม่ว่า จะ MG HS PHEV และ Mitsubishi Outlander PHEV

การมาของรถรุ่นนี้ ทำให้หลายคนสนใจ โดยเฉพาะ การเป็นผู้นำตลาดในหลายปีที่ผ่านมา แลพความเชี่ยวชาญรถอเนกประสงค์ของแบรนด์ ก็ทำให้ หลายคนมองว่า นี่อาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าไม่น้อย

ภายนอก-ภายในไม่ค่อยต่าง

ตั้งปต่เปิดตัวในช่วงแรกออกมา ทาง Haval นำเสนอ งานออกแบบใหม่ที่เรียกว่า Star Matrix Grill นำเสนอ งานออกแบบใหม่หมดจดทางด้านหน้า อารมณ์ กระเดียดไปทางรถยุโรป เมืองน้ำหอม พอมองปุ๊ปจะรู้สึกสึกสะดุดตาทันที

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้หน้าตามัน ดูทันสมัยขึ้น โฉบเฉี่ยว สปอร์ตกว่าเดิมที่วางจำหน่ายมาในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ในช่วงแรกรุ่น PHEV เป็นรถรุ่นเดียวที่ใช้หน้าตาแบบนี้ จนดูแล้วแตกต่าง ขับมาก็รู้เลยทันทีว่าเป็น PHEV เวอร์ชั่นไฮบริดเสียบปลั้กอย่างไม่ต้องสงสัย

จนกระทั่ง ล่าสุดในงาน Motor Expo ทาง GWM อัพเดทหน้าตาของ Haval H6 ใหม่ มาเป็นหน้าเดียวกัน เอกลักษณ์ ที่เคยโดดเด่น ก็เลยทอนหายไป จนมีเพียงตราสัญลักษณ์ท้ายเท่านั้นที่บอกความแตกต่าง กับ ช่องประตูชาร์จเท่านั้น ที่พอจะสังเกตออก

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster

นอกนั้น มันเหมือน กับรุ่น ไฮบริดปกติของมัน ไม่มีอะไรที่ดูโดดเด่น สะดุดตา

ภายนอกว่าไม่เปลี่ยนแล้ว ภายในห้องโดยสารก็เช่นกัน Haval H6 PHEV ยังคงใช้งานออกแบบเดียวกับรุ่นปกติ ไม่ว่าจะชุดจอภาพ,​การตัดเย็บเบอะ ไม่เว้นกระทั่ง สีภายในตบแต่งด้วยสี Rose Gold แทบจะเรียกว่า ยกทั้งกระบิ มาจากตัวไฮบริด

การเปลี่ยนแปลง จะมีเพียงเล็กน้อย ที่โหมดการใช้พลังงาน ที่สามารถเลือกได้ ระหว่าง ไฮบริด หรือ ไฟฟ้า ล้วน แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกอะไร นอกนั้น โดยฟังชั่นออพชั่น ค่อนข้างจะเหมือนกับที่เคยใช้งาน ไมไ่ด้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างที่หลายคนอาจจะอยากเห็น

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster

เพิ่มพลังขับ และ ปรับช่วงล่าง

ตัวรถว่าเปลี่ยนแปลงไปน้อยแล้ว ภายนอก และ ภายในรถรุ่นนี้ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่คิดเช่นกัน มันยังคงประจำการด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานผ่านระบบ Dedicate Hybrid Transmission หรือ DHT ที่มีการปรับปรุง รายละเอียดทางวิศวกรรมเพิ่มเติม จากรุ่นไฮบริดปกติ

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster

อย่างแรก ด้วยความเป็น PHEV ทาง GWM จึง เปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่ จากเดิม มาเป็น แบตเตอร์รี Tenery ขนาด 34 Kw แตกต่าง จาก PHEV ในราคาระดับเดียวกัน ด้วยความสามารถรองรับการชาร์จ ด้วยเต้าชาร์จแบบ เร็ว เป็นรุ่นแรก ในระดับ ราคานี้ที่มีเต้าชาร์จแบบ CCS Combo 2 มาให้ และ หัวชาร์จปกติ หรือ AC แบบ Type 2

ประการต่อมา ปรับ ความสามารถของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้มีกำลังขับมากขึ้น จากเดิม มาเป็น 177 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มเป็น 300 นิวตันเมตร

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster

เมื่อประกบกับ พละกำลังจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ เจ้า Haval H6 PHEV สามารถ ทำกำลังสูงสุด 326 แรงม้า แต่แรงบิดยังคงเท่าเดิมที่ 530 นิวตันเมตร

สาเหตที่แรงบิดเท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้น มาจากกการปรับจูนระบบ ให้ใช้งานขับด้วยไฟฟ้ามากขึ้น และ ทาง GWM มองว่า แรงบิดขนาดนี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับลูกค้า ไม่ต้องแรงเว่อวังบ้าพลังมากจนเกินความจำเป็น

แน่นอน ว่า นอกจาก เรื่องแบตเตอร์รี่ และ พลังขับที่เพิ่มขึ้น แล้ว ระบบกันสะเทือน ในรุ่นใหม่ ยังมีการปรับปรุงให้ลงตัวขึ้น ด้วย เนื่องจาก แบตเตอร์รี่ใหม่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ จาก GWM จึงจัดการปรับ ช่วงล่างให้มั่นใจมากขึ้นตามไปด้วย

การทดลองขับ

เรือนร่างที่ไม่เปลี่ยนแปลง ภายใน ที่เหมือนเดิม ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ขึ้นขับ มันทำให้ รถคันนี้ดูจืดชืด ไม่เห็นความแตกต่าง อย่างที่เราคิด ทั้งที่ราคาของมัน ก็ไปไกลกว่ารุ่นเพื่อนพี่น้องของมันอยู่พอสมควร แต่กลับไม่รู้สึกถึงความพิเศษ อย่างที่หลายคนเฝ้าอยากจะเห็น ในรถรุ่นนี้

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เมื่อมาว่าสมรรถนะในการขับขี่ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจน

ก่อนอื่นด้วยความเป็นรถไฮบริดเสียบปลั้ก วัตถุประสงค์ คือ เพื่อต้องการให้คุณขับเคลื่อนใช้งานขับพลังไฟฟ้าในการใช้งานประจำวัน Haval H6 PHEV ให้แบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ถึง 34 Kwh จนผม ยังแอบแซวเลยว่า เจ้านี่ คือ Haval H6 ที่แอบเขมือบรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Neta V เข้าไป จนแน่นพุง

ด้วยแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ เรียกว่า ใหญ่กว่ารถในระดับเดียวกันเป็น 2 เท่าตัว ทำให้ มันสามารถขับไฟฟ้าล้วนได้สบายมาก การขับไฟฟ้าล้วน คุณจำเป็๋นต้องเลือกที่หน้าจอก่อน ว่าจะขับในโหมดไฮบริดหรือไฟฟ้า ล้วน ห้ามลืมเด็ดขาด

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster

ในกรณีที่คุณลืม ระบบอาจจะขับไฟฟ้าล้วนให้ และ บางครั้งจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ ในเวลาที่คิดว่าเหมาะสม แต่จากที่ลองขับ ระบบของ GWM จะพยายามใช้ไฟฟ้าก่อน จนถึงจุดที่คิดว่า เครื่องยนต์จำเป็นต้องทำงาน อาทิ คุณขับรถด้วยความเร็ว ต้องการพลังแรง หรือเข้าโหมดสปอร์ต เมื่อนั้นจะใช้เครื่องยนต์เข้าช่วย แล้วมอเตอร์จะใช้เสริมพลังขับ เหมือน สลับบทบาทการทำงานระหว่างกัน

ในวันแรก ผมลองขับรถรุ่นนี้ในเมือง โดยใช้ โหมดไฮบริดปกติ ขับท่ามกลางการจราจรเมืองกรุง

อย่างที่กล่า วเมื่อใช้การทำงานในโหมด จะเป็นการทำงานร่วม แต่ในความจริงกลายเป็นว่า ระบบเหมือนจะพยายามขับด้วยไฟฟ้ามากกกว่าใช้น้ำมัน จนกว่าไฟในแบตเตอรืรี่จะเหลือน้อยกว่า 5% ระบบจึงจะเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นมา ซึ่งต่างจาก PHEV บางรุ่นที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ตั้งแต่ทีแรกที่คุณเริ่มสตาร์ทรถ

แต่คันนี่สตาร์ทเป็นไฟฟ้าขับ ออกจากบ้านได้เลย ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้า 100% จนบางทีถ้าไม่ดูในหน้าจอ จะต้องมีเผลอเรอ นึกว่าเปิดโหมดไฟฟ้าไปแล้วทั้งที่คุณอาจจะลืมก็ได้

ช่วงการขับในเมืองด้วยรถที่มาพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ ทำให้ อัตราเร่งของมันนั้น ไม่ได้ปื้ดป๊าด ทันใจอย่างที่คิด ช่วงออกตัว ไม่ได้หลังติดเบาะ มอเตอร์ไฟฟ้าจะค่อยๆ ไล่รอบ ไม่กระโชกโฮฮาก ถูกใจสายรักสบาย

ในกรณีต้องซิ่งเร่งไปประชุม เพียงกดคันเร่งลงไป เพิ่มพลังขับสักหน่อย เครื่องยนต์จะติด ขึ้นมาสอดผสาน ทำหน้าที่ลูกคู่ ให้พลังขับไปลงล้อ รถจะดูกระฉับกระเฉงขึ้น ทันตาเห็น สามารถวิ่งไว กลายเป็นอเนกประสงค์พร้อมซิ่งในบัดดล

ส่วนช่วงล่าง ด้วยการปรับขนาดแบตเตอร์รี่ทำให้รถมีน้ำหนักเยอะขึ้น ทาง GWM จึงปรับแซทโช๊คใหม่ให้มีความแข็งขึ้นกว่ารุ่น HEV อาการช่วงล่างไม่ได้ถึงขนาดติดกระด้าง มันออกไปในทางเฟิร์มนุ่มมากกว่า สามารถผ่านท่อกทม. หลุมบ่อ ได้อย่างไม่กังวลใจ แม้ว่า รถคันนี่จะใช้ล้อขอบ 19 นิ้ว ก็ตามที

วันนั้น ด้วยความที่ธุระปะปัง เยอะมาก จึงขับรถไปรวมๆ 179.4 ก.ม.​ด้วยความอยากรู้จึงลองเติมน้ำมัน ดูการใช้งานในโหมดไฮบริด ผมเติมไปเพียง 2.77 ลิตร คิดเป็นอัตราประหยัด 64 ก.ม./ลิตร

แต่หมายเหตุว่าไฟในแบตเตอร์รี่ ต้องมีนะ เพราะไม่เช่นนั้น จากที่ผมมีโอกาส ลองขับเล่นแถวพัทยา โดยไม่มีไฟในแบตเตอร์รี่เลย ในระยะทางเพียง 27 กิโลเมตร ก็ต้องเติมน้ำมันไปมากถึง 6.3 ลิตร หรือ คิดเป็นอัตราประหยัด 4.82 ก.ม./ลิตร ไม่หนีจาก Ford Ranger Raptor

นั่นเพราะ แม้ว่ามอเตอร์จะช่วยออกตัวแล้ว และใช้พลังขับบ้างแล้ว แต่ก็ใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ ประกอบกับ น้ำหนักตะวที่เพิ่มขึ้น จากการแบกแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ ทำให้เครื่องยนต์ต้องเร่งเยอะ เสริมกำลังตอนช่วงออกตัว

แม้ว่าในช่วงหยุดนิ่ง จะสามารถใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ลูกใหญ่ได้ แต่เมื่ออยู่ในระดับต่ำมาก เครื่องยนต์ก็จะต้องทำงานเพื่อชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ ให้เพียงพอต่อการใช้งานภายในรถ ด้วยเหตุนี้ มันจึงค่อนข้างซดน้ำมัน เมื่อแบตเตอร์รี่ไม่มีไฟฟ้า และ เราแนะนำให้คุณชาร์จรถคันนี้ทุกครั้งที่ทำได้

ลองของ เดินทาง… ว้าวกว่าที่คิด

จุดประสงค์หลักที่บริษัท รถยนต์ ส่วนใหญ่ พัฒนารถยนต์อเนกประสงค์ PHEV ออกมา นั่นก็เืพ่อตอบสนองในการใช้งานที่หลากหลาย

ในวันปกติ คุณสามารถใช้รถคันนี้ในเมือง และในวันว่าง สามารถเอารถคันเดียวกัน ขับใช้งานเดินทางในวันว่าง พาครอบครัวไปเที่ยวได้ ด้วยเหตุนี้ รถกลุ่มนี้จึงเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน

ความสามารถที่เราได้เห้นในเมือง ผมกับเดือน จึงมองหาความท้าทาย ด้วยการจะลองขับ Haval H6 PHEV จากบ้าน ที่อยู่แถวคลองหลวง , ปทุมธานี ไปยัง พัทยา ด้วยไฟฟ้าล้วน ไม่ใช้น้ำมัน

ระยะทางประมาณ 150 ก.ม. ฟังดูอาจเหมือนไม่ไกล แต่สำหรับรถ ประเภท Plug in Hybrid ถือ ว่าไกล มาก เพระา รถหรูราคาแพงบางรุ่นที่มีเทคโนโลยีเดียวกัน ยังขับได้เพียง 100 ก.ม.​ตามการเคลมของผู้ผลิต

ตั้งแต่ออกจากบ้านผมชาร์จไฟจนเต็ม 100% และ ใช้โหมดปกติขับเคลื่อน เลือกการขับเป็นโหมด EV แล้วไหลไปตามการจราจร

ระหว่างทางไม่มีการหยุดพักที่ไหนใดๆ ขับยาวๆ โดยใช้ความเร็วเดินทาง 100-120 ก.ม./ช.ม.​และ อาจจะช้าบ้าง ตามสภาพการจราจร

เจ้า H6 PHEV ทำเอาผมทึ่ง กับความสามารถของมัน ที่สามารถขับไฟฟ้าล้วนได้ไกลมากๆ ยิ่งเมื่อผ่านการใช้งานจริง 100 ก.ม. ไปแล้ว ก็ยิ่ง น่าสนใจ เพราะ ความสามารถนี้ เทียบเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ซื้อขายกันอยู่ในปัจจุบัน

แต่ก็เฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งขับเร็วไฟยิ่งตกเร็ว ตามพลังงานที่เราใช้ เราขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงก่อนด่านจ่ายเงินมอเตอร์เวย์ ออกพัทยา ไฟในแบตเตอร์รี่โชว์เหลือ 0 % บนหน้าปัดเรา มีระยะทางที่ขับมาแล้วทั้งสิ้น 157.2 กิโลเมตร นับเป็นระยะทางที่มากกว่ารถยนต์ PHEV ทั้งหมดในตลาด

จนบางทีก็นึก น่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามีเครื่อง หรือเรียกว่า PHEV ดี เพราะ มันทำลายทุกความเชื่อที่เคยมีเกี่ยวกับ รถ PHEV

อย่างไรก็ดี ในขากลับผมตัดสินใจไม่ชาร์จรถ เพื่อจะดูว่า ถ้าเราขับโดยไม่มีไฟในแบตเตอร์รี่ มันจะยังประหยัดอยู่หรือไม่

เท่าที่ลองขับด้วยความเร็วเดินทางเดียวกัน เวลาเร่งแซง ระบบจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยสั้นๆ เมื่อไฟในแบตเตอร์รี่น้อย และ ระบบไฮบริดเอง ก็พยายามจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เป็นเครื่องยนต์ปั่นไฟเอาเข้ามาเก็บในแบต มันจะรัน อยู่ราว 4-6% และ จะสลับดับเครื่องยนต์เป็นระยะ เช่น ลงเนิน หรือ เวลาผู้ขับขี่ชะลอความเร็วปล่อยไหล ไปตามทาง

ผล คือ Haval H6 PHEV มีอัตราประหยัดจากการขับขี่ 133.7 ก.ม.​เราเติมน้ำมันไป 11.627 ลิตร คิดเป็นอัตราประหยัด 11.49 ก.ม./ลิตร เทียบกับ ขนาด น้ำหนักตัวรถ ถือว่า พอไปวัดไปวา ได้ ไม่ได้ ถึงกับว้าว

นั่น ก็เป็นเรื่องปกติ ของ รถ PHEV ที่มักซดน้ำมันดุมากกว่า เมื่อไม่มีไฟในแบตเตอร์รี่ หรือแบตเตอร์รี่เหลือน้อย ทางที่ดีที่สุดคือ พยายามหาที่ชาร์จไฟ เวลาแวะจอดพัก ได้ไฟมาบ้างก็ยังดีกว่า ไม่ได้ไฟเลย จะเป็นหนทางประหยัด ที่ดีที่สุด

แล้วสมรรถนะ เวลาเดินทาง ?

ในแง่สมรรถนะ ผมลองขับในวันต่อมา เพื่อไม่ให้ ปะปน กับการทดสอบอัตราประหยัด ต้องยอมรับว่า ด้วยแรงม้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 326 แรงมา้า ทำให้การตอบสนองรถคันนี้ว่องไวมากขึ้น กว่า Haval H6 HEV

การขับด้วยโหมดไฮบริด , เวลาเหยียบไปแล้ว ช่วงแรกจะออกตัวเชื่องช้าหน่อย จากนั้นจะค่อยๆเบ่งพลังออกมา จนคุณพอใจแสยะยิ้มที่มุมปาก ส่วนที่น่ากังวล อยู่ตรงเวลาเร่งแซง เมื่อแบตเตอร์รี่เหลือน้อย เมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยน้อย แอบมีความตระหนี่ ในการใช้พลังงาน บางทีคุณจะรู้สึกถึงพลังที่หายไปบ้าง จนแอบรู้สึกว่าไม่ค่อยพอใจ สักเท่าไรนัก ในบางจังหวะ

สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นประเด็นเวลาต้องการพลังขับ ช่วงซัดตึง คือการทำงานของ DHT ที่มีชุดเกียร์ 2 จังหวะ สำหรับมอเตอร์ ในช่วงจังหวะที่ตัดสลับไปเกียร์สูง ยังค่อนข้างสูงไป ทำให้การตอบสนองของมอเตอร์ช้า 326 แรงม้า ควรจะแรงเร้าใจมากกว่านี้ นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

ถึงเราจะบอกแบบนั้น แต่ ในความจริง Haval H6 PHEV ก็เร็วเอาเรื่อง จากการจับ ด้วยเครื่องมือ V Box Race Logic เราทำอัตราเร่ง อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 10.28 วินาที และ 80-120 ก.ม./ช.ม.​ในเวลา 5.5 วินาที

ครั้งที่ 1ครั้งที่ 2ครั้ง 3เฉลี่ย
0-100 ก.ม.10.3510.2710.2210.28
80-120 ก.ม.5.625.535.615.58

อัตราเร่งดังกล่าว อาจไม่ใช่ตัวเลขที่เว่อวังอลังการมาก เทียบกับกำลัง 326 แรงม้า ทว่าก็เร็วกว่ารถอเนกประสงค์ทั่วไป หรือแม้แต่พี่น้องของมันเอง

H6 PHEV ช่วงล่างเน้นเฟิร์ม แข็งขึ้นกำลังดี

อย่างที่เราบอกไป ตั้งแต่ตอนที่ขับในเมืองว่ารถคันนี้ช่วงล่างเฟิร์มขึ้น กว่ารุ่นไฮบริด นั่นทำให้มันตอบสนองในการขับขี่ดีขึ้น ในฐานะผู้ขับขี่ จะพบว่ารถคันนี้มั่นใจขึ้นพอตัว

โดยเฉพาะเวลากดเร่งแซง ใช้ความเร็ว จะรู้สึกว่ ามันไม่นุ่มนิ่มจนเกินงามไปนัก และยิ่งเห็นผล เวลาคุณโยกเปลี่ยนเลนเวลาใช้ความเร็ว เทียบกับตัวไฮบริด มันดูมั่นใจขึ้นกว่าพอตัว

ถึงจะเราจะออกปากชมแบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่า รถยังมีอาการโคลงตัว อยู่บ้าง ยิ่งจังหวะไหนใช้พวงมาลัยเร็ว รถจะมีอาการโยกโยนเล็กน้อย ให้พอได้รู้สึก ว่ามีอาการเหวี่ยงตัวอยู่บ้าง

ช่วงเข้าโึ้ง ก็เช่นกัน รถ จะมีอาการเหวี่ยงไปก่อนเล็กน้อย ในระหว่างการเข้าโค้ง เป็นธรรมดา ของรถอเนกประสงค์ที่มีความสูง เมื่อเข้าโค้งได้จังหวะเดินคันเร่ง แล้ว อาการนี้จะหยุด นิ่งให้คุณมั่นใจ

อาการกระแทกสะเทือนจากถนนยังมีอยู่บ้าง อาการสะท้านจะมีในจังหวะแรก เท่านั้น ไม่ต่อเนื่อล่องเป็นเรือ จนไม่มั่นใจ

Haval H6 PHEV คุ้มนะถ้ามอง PHEV แต่มันยังดีได้มากกว่านี้อีก

หลังจากใช้ ชีวิตหลสายวัน กับ Haval H6 PHEV ต้องยอมรับว่า มันเป็นรถอเนกประสงค์ไฮบริดเสียบปลั้กที่น่าสนใจ ในราคาที่ทุกคน สามารถจับต้องได้ มีความสามารถขับไฟฟ้าล้วน อย่างที่หลายคนต้องการ ในแง่ความประหยัด สมรรถนะดีพอประมาณ อาจไม่ถึงกับโดดเด่น ทางด้านอื่น ถ้าไม่นับเรื่องความสามารถในการขับไฟฟ้าล้วน

อย่างไรก็ดี , ความโดดเด่นของรถคันนี้ อยู่ที่ ความง่ายในการใช้งาน สิ่งที่ผู้ใช้ ต้องทำ มีเพียงการเสียบปลั้กชาร์จไฟ เมื่อมีโอกาส เพียงเท่าานี้ก็จะได้ความประหยัด ทันที

Haval H6 PHEV Test Drive Ridebuster
หลังจากลองขับ ผมกล้าบอก คุณว่า ถ้าแบรนด์ ไม่ใช่ปัญหา Haval H6 PHEV เป็นอเนกประสงค์ เสียบปลั้กที่โคตรคุ้มในเวลานี้

ไม่ต้องมาพะวง เรื่อง จะต้องทำอย่างไร ขับยังไให้มันประหยัด หรือจะต้อง Save แบตเตอร์รี่ไหม หรือ ขับตอนไหน ควรจะ กดชาร์จไฟแบตเตอร์รี่ ทั้งหมด ระบบ ของ GWM ค่อนข้าง มีความชาญฉลาดในการใช้งาน

นอกจากนี้ การมีหัวชาร์จ DC ทำให้ คุณสนุกกับการหาที่ชาร์จ แม้ว่ าอาจจะโดน รถยนต์ไฟฟ้า มองบ้างว่า จะมาแย่งหัวชาร์จ ฉันทำไม แต่เอาเถอะ คุณจะได้เรียนรู้กับ คำว่า “ต้องชาร์จ ถึงจะประหยัด” ซึ่ง PHEV รุ่นอื่นไม่มี

สิ่งที่ทำให้ คุณไม่ตัดสินใจซื้อ มีอยู่ไม่กี่ข้อ

ประการแรก ,​เรากำลังพูดถึงรถจีน ราคา 1.699 ล้านบาท ซึ่ง คุณ อาจจะไป รถอเนกประสงค์ จากทางแบรนด์อื่น ที่มีเทคโนโลยีคล้ายกัน หรือใหม่ กว่า เว้นแต่คุณอยากได้รถยนต์ PHEV จริงๆ

ข้อต่อมา,​การนำเสนอ ระบบ PHEV อาจกลายเป็นความยุ่งยากบ้าง สำหรับ คนที่ก้าวมาจากรถ สันดาป คุณจะต้องเจอกับสิ่งที่คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าเจอ นั่นรวมถึงการแย่งหัวชาร์จ และ การติดตั้งตู้ชาร์จที่บ้านด้วย

ถ้าทั้งหมดที่กล่าวไม่มีปัญหา และคุณไม่มีประเด็นกับรถยนต์ จากประเทศเจีน รถยนต์ Haval H6 PHEV อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด คุ้มที่สุด ในตลาด PHEV ในวันนี้ ก็เป็นไปได้

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่