แม้หลายคนจะตื่นตาตื่นใจกับขุมกำลัง V6 3.0L เทอร์โบคู่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจไม่ตอบโจทย์สายลุยที่ยังคงหลงไหลในลักษณะนิสัยของเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่า และเพื่อการนั้น Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมขุมกำลัง 2.0L Bi-Turbo จึงได้ถือกำเนิดขึ้น

สำหรับรายละเอียดในเบื้องต้น ของ Ford Ranger Raptor Diesel 2.0L Bi-Turbo รุ่นใหม่นั้น หลักๆแล้ว มันก็ยังคงมาพร้อมกับรายละเอียดการตกแต่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก ที่ไม่ต่างจากรุ่นใหญ่ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0L เทอร์โบคู่ เลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า Matrix LED, กระจังหน้า F O R D, กันชนหน้าแบบพิเศษเฉพาะรุ่น, แก้มข้างโป่งใหญ่กว่า Ranger ปกติ พร้อมช่องระบายอากาศหลังซุ้มล้อหน้า, บันใดข้างเหล็ก, ชุดล้อ 17 นิ้ว รัดด้วยยาง All Terrain, และอื่นๆที่เห็นได้จากภายนอก

เว้นเพียงจุดเดียวคือ ปลายท่อไอเสียแบบออกคู่ซ้าย-ขวา ด้านท้าย ได้หายไป เหลือเพียงท่อไอเสียออกเดี่ยวซ่อนไว้ใต้กระบะเหมือน Ranger รุ่นปกติ เนื่องจากขุมกำลังเปลี่ยนไป รวมถึงตัวโช้กอัพทั้งสี่ต้น ได้ถูกถอดระบบ Live-Valve ออกไป จึงทำให้ตัวรถไม่มีระบบปรับและแปรผันความหนืดตามสภาพผิวถนน หรือโหมดการขับขี่ที่ตั้งเอาไว้อีกต่อไป

ในส่วนงานตกแต่งภายในห้องโดยสารเอง ก็เรียกได้ว่าแทบไม่มีความแตกต่างจาก Raptor รุ่นใหญ่เช่นกัน เพราะมันก็ยังคงมีทั้ง โทนสีภายในห้องโดยสาร สีดำ-ส้ม, ชุดเบาะนั่งดีไซน์แรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง ที่เบาะโดยสารคู่หน้า, แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A

ทว่าลำโพงได้เปลี่ยนจากแบบพรีเมียม 10 จุด เหลือเพียง 6 จุด

ระบบการขับขี่ก็ยังคงมี 7 โหมด ทั้ง โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดถนนลื่น สำหรับการขับขี่ทางเรียบ โหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และ โหมดบาฮา ตามเดิม

ขณะที่โหมดส่วนตัว หรือ My Mode ได้ถูกถอดออกไป เนื่องจากไม่จำเป็น และที่หายไปเพิ่มเติมอีก คือโหมดเสียงท่อทั้ง 4 โหมดได้หายไป เนื่องจากตัวระบบ ระบบ Active Valve Exhaust ได้ถูกถอดออกไปด้วย เพราะเครื่องยนต์ไม่รองรับการทำงานร่วมกับระบบดังกล่าว แต่นอกนั้นในส่วนระบบ ADAS ต่างๆยังคงมีมาให้ครบครันเช่นเดิม

ด้านขุมกำลัง ก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0L Bi-Turbo กำลังสูงสุด 210 PS และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งยกมาจาก Ford Ranger รุ่นปกติ เช่นเดียวกับระบบส่งกำลัง ที่แม้จะเป็นแบบอัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมหัวเกียร์แบบ E-Shift เช่นเดิม แต่ก็ถูกปรับจูนใหม่ให้เข้ากับขุมกำลังที่เปลี่ยนไป

ขณะที่ระบบขับเคลื่อนยังคงมีมาให้ครบทุกโหมด ไม่ว่าจะเป็น 2H, 4H, 4L และ 4A (AWD) เว้นเพียงระบบล็อคเฟืองท้ายไฟฟ้าด้านหน้า ที่ถูกถอดออกไป เหลือเพียงด้านหลังเท่านั้น

โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Ford Ranger Raptor Diesel 2.0L Bi-Turbo มีการประกาศตัวเลขเริ่มต้นที่ 1,769,000 บาท และพร้อมให้ลูกค้าได้จับจองกันแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่