Ford Ranger Minorchange 2018 เพิ่มเครื่องดีเซล 2.0 ทั้งโบเดี่ยว-คู่ จับคู่เกียร์ออโต้ 10 สปีด และมีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ โดยมีราคาอยู่ระหว่าง 589,000-1,265,000 บาท

 

วันที่ 20 กรกฏาคม 2561 คือประวัติศาสตร์ที่สำคัญของฟอร์ดประเทศไทย ที่ได้เปิดตัว Ford Ranger Minorchange 2018 เป็นแห่งแรกในโลก เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของเรนเตอร์ที่มีต่อตลาดเมืองไทย โดยกระบะพันธุ์แกร่ง Ranger ได้รับการปรับปรุงในหลายจุดให้น่าใช้งาน ทนทาน และปลอดภัยยิ่งขึ้น เรียกว่าคนที่รอดูว่าจะซื้อกระบะคันใหม่อาจจะมนต์เสน่ห์ของรถรุ่นนี้ได้ง่ายๆ

 

 

 

Ford Ranger จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 20 รุ่น ซึ่งรวมถึงรุ่นไวล์ดแทรค XLT XLS XL กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base) และรุ่นใหม่ ‘ลิมิเต็ด’ (Limited) และยังรวมถึง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงที่ผลิตจากโรงงานรุ่นแรกและรุ่นเดียวของเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งได้เปิดตัวไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

 

 

หัวใจหลักของรถทุกคันก็คือเครื่องยนต์ ซึ่ง Ford Ranger ใหม่ มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกถึง 3 แบบเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายยิ่งขึ้น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่  2.0 ลิตร ให้กำลัง 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ให้กำลัง 180 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ดูราทอร์ค ขนาด 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที แรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,500 รอบต่อนาที นอกจากนี้จุดเด่นของ Ranger ใหม่คือมีเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้เลือกติดตั้งบนเครื่องดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรทั้ง 2 บล็อก

 

 

จุดเด่นด้านความปลอดภัยของ Ford Ranger 2018 ก็คือการมาพร้อมระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะด้านหน้า และจะทำการช่วยเบรกจนหยุดนิ่งเมื่อระบบพบว่าคนขับไม่สามารถตอบสนองได้ทัน  ช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

 

 

ทั้งนี้ในรุ่น Wildtrak กับ Limited ได้เพิ่มระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (Easy Lift Tailgate) ครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ด้วยกลไกซึ่งช่วยผ่อนแรงของผู้ใช้ลง 70 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้เปิดปิดฝากระบะท้ายง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ส่วนรุ่นย่อยล่างๆ อย่าง XL กับ XLS ฟอร์ดก็ได้เพิ่มระบบพวงมาลัยไฟฟ้าในรุ่น XL และ XLS ถือเป็นครั้งแรกของตลาดรถกระบะระดับเดียวกัน ที่สำคัญคือมีระบบกุญแจอัจฉริยะ (PEPS) และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Limited และ Wildtrak

 

 

ภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน ทั้งในวันทำงานที่หนักหน่วง การเดินทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์หรือการผจญภัยแบบออฟโรด ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของเรนเจอร์ตกแต่งในโทนสีดำ พร้อมพื้นผิววัสดุตรงจุดสัมผัสที่ทนทานเพื่อคุณภาพการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งรายละเอียดด้วยโครเมียมและการเดินด้ายสีเงิน

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกสบายและเป็นส่วนตัว รวมถึงได้รับความบันเทิงสูงสุด ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังเพิ่มระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) ในรุ่นไวล์ดแทรค ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีกด้วย

ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) รองรับ Apple Carplay และ Andriod Auto พร้อมบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถเมื่อออกนอกพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นอกจากนี้ ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียงและระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยเพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

 

 

ระบบซิงค์ 3 ยังครอบคลุมไปถึงระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ซึ่งจะทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธภายในรถ เพื่อติดต่อไปยังหมายเลข 1669 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงานหรือระบบตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบช่วยโทรฉุกเฉินนี้จะติดตั้งมากับรถฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ทุกคันที่ใช้ระบบซิงค์ 3

 

 

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีใหม่ 2 สี นั่นคือ สีส้มเซเบรอ (เฉพาะรุ่นไวล์ดแทรค) และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) และสีมาตรฐาน ได้แก่ สีเงินอะลูมิเนียม เมทัลลิค (Aluminuim Metallic) สีดำแอพโซลูท แบล็ค เมทัลลิค (Absolute Black Metallic) สีเทาเมทีออร์ เกรย์ เมทัลลิค (Meteor Grey Metallic) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีแดงทรู เร้ด (True Red)

 

 

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ซึ่งเป็นสีใหม่เฉพาะแร็พเตอร์เท่านั้น และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) และสีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)

นอกจากนี้ ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะได้รับความคุ้มค่าและความสะดวกสบาย ด้วยบริการฟรีค่าแรงในการตรวจเช็คตามระยะ สูงสุดถึง 5 ปี หรือภายในระยะ 75,000 กิโลเมตร เพียงเข้าตรวจเช็คระยะทุก 15,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 20 รุ่น ตามราคาจำหน่ายดังต่อไปนี้:

  • แร็พเตอร์ – ราคา 1,699,000 บาท
  • ไวล์ดแทรค – มีให้เลือก 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 1,029,000 – 1,265,000 บาท
  • ลิมิเต็ด (LTD) – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 889,000 – 1,029,000 บาท
  • XLT – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 749,000 – 869,000 บาท
  • XLS – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 659,000 – 789,000 บาท
  • XL – มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 559,000 – 649,000 บาท
  • กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base) – มีให้เลือก 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 589,000 – 799,000 บาท

อ่านรายละเอียด แต่ละรุ่นย่อย   Ford Ranger   โฉมปี 2018  ได้ที่นี่ 

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”655″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่