หลายปีทีผ่านมารถยนต์อเนกประสงค์เป็นที่นิยมอย่างมากในไทยและรถอย่าง PPV ที่ถูกพัฒนาจากรถกระบะก็เป็นที่รู้จักกันมายาวนานพอๆกับการมาของรถครอสโอเวอร์แต่เมื่อใครสักคนต้องมองหารถยนต์ 7 ที่นั่งก็จะมองหา PPV ทุกที

วันนี้ เราเลยจะมาลองเทียบความคุ้มค่า กับ 2 รถอเนกประสงค์ใหม่ หนึ่งในที่สุดของ PPV อย่าง Ford Everest Titanium กับ อีกหนึ่งที่สุด ของรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ Mazda CX-8 ซึ่งทั้งคู่ ต่างก็มีดีแบบ ในตัวเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาเทียบความุค้มค่าของพวกมัน ถ้าคุณจะมองหา รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง สักคันกันอยู่

*การเลือกรถมาเปรียบเทียบครั้งนี้ เราเลือกรถในช่วงราคาไม่เกิน 1.8 ล้านบาท มีลักษณะรูปแบบ 7 ที่นั่ง เหมือนกัน ซึ่งได้คู่ท้าชิง เป็น

  • Ford Titanium + 4×2 : ราคา 1,704,000 บาท

กับ

  • Mazda CX-8 2.5 SP : ราคา 1,619,000 บาท

ดังนั้น เรามาดูพร้อมกัน ว่าถ้าต้องเลือก คันไหนน่าจะสนใจกว่ากัน

ภายนอก หรูคนละแบบ แต่ สไตล์ใกล้กัน

จะว่าไป การมาของ Ford Everest 2022 ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ สู่ภาพของความหรูหรานำสมัย แม้ว่าจะยังคงเป็นรถที่มี พื้นฐานจากกระบะเหมือนเดิมก็ตามที

หน้าตาใหม่ ถูกขลับมาสู่ความหรูหราทันสมัย ทรวดทรงบ่งบอกความเป็นรถอเมริกันมากกว่าเดิม รถมีความเหลี่ยม คมสันมากกว่าเดิมพอสมควร มาพร้อมกระจังหน้าโครเมี่ยม ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ให้ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิดฝาท้ายมาด้วยพร้อมกัน

บุคคลิกรถดุ ทะมัดทะแมง ดูดี ในแบบ รถอเนกประสงค์พร้อมลุยควรจะเป็น

มาทางด้าน Mazda CX-8 รถรุ่นนี้ ภาพความหรูหรา ถูกใส่เข้ามาเต็มๆอยู่แล้ว ตามสไตล์ของมาสด้า ที่มาพร้อมเส้นสายในแบบ Kodo Design ในรุ่นใหม่ เพิ่มความดูดีด้วยกระจังหน้า 3D Mesh ติดตั้งล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับฝาท้ายแบบ Hand Free ตอบการใช้งาน พร้อมการเล่น รายละเอียดโครเมี่ยมในหลายจุด

ด้านขนาดมิติตัวรถ เมื่อเปรียบเทียบกัน จะพบว่า มันไม่ได้ต่างกันมากอย่างที่คิด


ความยาว (มม.)ความกว้าง (มม.)ความสูง (มม.)ระยะฐานล้อ (มม.)
Ford Everest4,9141,9231,8422,900
Mazda CX-84,9001,8401,7302,930

ในภาพรวม เราจะพบว่า ความบึกบึน สูงใหญ่ ของ Ford Everest จะได้เปรียบกว่า Mazda CX-8 แต่พอมามอง เรื่อง ระยะฐานล้อจะพบว่า มาสด้า มีความได้เปรียบกว่า ด้วยระยะฐานยาวกว่า หมายถึง ช่วงตัวห้องโดยสารที่สามารถจะจัดวางอะไรต่อมิอะไรได้ดีกว่า

ส่วนตัวรถที่แคบกว่า เตี้ยกว่า ก็ย่อมมีดีในเรื่องการใช้งานในเมือง และยังมีให้ความคล่องตัวในการขับขี่มากกว่านิดหน่อยด้วย

ภายในห้องโดยสาร CX-8 ห้องโดยสาร เน้นหรู

ภายในห้องโดยสาร รถทั้ง 2 รุ่นมีความเหมือนกัน ในการเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว นำเสนอด้วยเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งออกมาตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย

โดยแม้ว่าจะเป็นเบาะ ที่เราบอกว่าเหมือนกัน แต่มีความต่างกันอย่างชัดเจนในเบาะนั่งแถว 3 โดย ตัวเบาะของ CX-8 จะมีขนาดใหญ่พื้นที่กว้างกว่า นั่งสบายกว่า แม้กับคนตัวใหญ่ เรียกว่า ผู้ใหญ่สามารถนั่งได้สบายทุกที่นั่ง รวมถึงห้องสัมภาระท้าย ก็ใหญ่พอตัว เมื่อเปิดใช้เบาะแถว 3

ส่วนทางด้าน เอเวอร์เรส เบาะแถว 3 ออกแบบ ให้พร้อมรองรับการโดยสารก็จริง แต่เบาะก็ยังมีพนักพิงหลังค่อนข้างเตี้ย ไม่เหมาะกับการโดยสารไกลๆ หรือ สมควรจะต้องเป็นคนตัวเล็ก หรือ เด็กจะดีกว่า แต่การพับเบาะของ ฟอร์ด ในรุ่น ไทเทเนี่ยม นั้น จะเป็นระบบไฟฟ้า ช่วยอำนวยความสะดวกได้มากในการขับขี่

ภายในห้องโดยสาร Ford Everest 2022

ทางด้านเบาะแถว 2 เมื่อเป็นรถ 7 ที่นั่ง มันจึงจะไม่ต่างกันมากนัก แต่จุดที่ Mazda CX-8 ทำได้ดีกว่า คือ การได้ระบบปรับอากาศ 3 โซน สามารถแยกอุณหภูมิตอนหลังได้ ไม่ใช่การปรับเพียงพัดลมแอร์เท่านั้น ทำให้มันค่อนข้างจะตอบสนองต่อการโดยสารได้ดี

ขณะที่ฟอร์ด มีดีในเรื่องการให้ฟังชั่นที่สำคัญ อย่างช่องปลั้กชาร์จ 230 โวลท์ มาตอบการใช้งานเพื่อคนเดินทาง และการมีช่องชาร์จเยอะ ช่วยเพิ่มความน่าใช้งานและตอบโจทย์ในการขับขี่

ส่วนเรื่องการเลื่อนเข้าออก ของเบาะแถว 2 เพื่อขยายที่โดยสารให้เบาะแถวที่ 3 มีความเหมือนกัน ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก

ทางด้านการโดยสารตอนหน้า ฟอร์ด ได้ปรับ ปรุง Ford Everest ให้ระบบเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ทั้งทางด้านคนขับ และผู้โดยสาร

ไม่เพียงเท่านี้ ยังตอบสนองในการขับขี่ ด้วยมาตรวัดดิจิตอล ขนาด 12.4 นิ้ว แสดงผล รายละเอียดชัดเจน มาพร้อม จอกลางขนาด 12 นิ้ว ดูมีความทันสมัยในการใช้งาน ครบครันด้วยระบบที่ชาร์จมือถือไร้สาย

ฝั่ง CX-8 เบาะไฟฟ้าทั้งคู่ แต่มีเพียงด้านคนขับเท่านั้นที่เป็นแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง) มาสด้า เน้นงานออกแบบที่มาในสไตล์เรียบหรู ไม่หวือหวา หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ 7 นิ้ว จอกลางสำหรับระบบความบันเทิงขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple Carplay และ Android Auto ไร้สาย

ถ้าเอาความทันสมัย ก็ต้องฟอร์ด ที่อออกแบบได้ดูมีลูกเล่นอย่างมาก แต่ถ้าเอาเน้นดูดี เรียบๆ ใช้งานง่ายๆ ก็ต้องมาสด้า ขึ้นอยู่กับว่าเรามองหาอะไรกัน

แล้ว สมรรถนะล่ะ ?

ทางด้าน สมรรถนะการขับขี่กันบ้าง เราขอเริ่มจากเครื่องยนต์กันก่อน

ฝั่ง มาสด้า ที่เราเลือกมา เป็นเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังขับสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า น้ำหนักเปล่าตัวรถ อยู่ที่ 1,781 กก. ไม่รวมผู้โดยสาร

ย้ายมาทาง PPV อย่าง Ford Everest Titanium นำเสนอ เครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-turbo ให้กำลังขับสูงสุด 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที ส่งลงเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ไม่ระบุน้ำหนักตัวเปล่า

มองกันในแง่พละกำลังขับ แน่นอนว่า ฟอร์ด ย่อมเหนือกว่า ทางมาสด้า อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ ด้วยแรงบิดที่ต่างกันเกือบเท่าตัว ซึ่งผู้อ่านคงสงสัย ทำไมไม่เอารุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมาเทียบ แต่นั่นเพราะ ราคาจำหน่ายของ CX-8 เครื่องดีเซลนั้น เกินจากเงื่อนไขที่เราวางไว้ นั่นเองครับ

กลับมาในส่วนกำลังที่มากกว่า ย่อมหมายถึงรถที่ขับดีกว่าใช่ไหม ? คำตอบคือ ไม่เสมอไป เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการ ใช้มันทำอะไรมากกว่า

ถ้าเน้นขับใช้งานในเมืองเป็นหลัง แล้วนานๆจะออกต่างจังหวัดสักที เงื่อนไขแบบนี้ มาสด้า อาจดูได้เปรียบกว่า เพราะแม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ แต่ก็มาพร้อมระบบ Idling Stop ช่วยหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว ขณะรถหยุดนิ่ง

ทว่าพอเราจับข้อมูล Eco Sticker มาเปรียบเทียบ เราพบว่า ฟอร์ด กินน้ำมันน้อยกว่า จากการทดสอบของภาครัฐบาล แถมราคาน้ำมันดีเซล ก็ต้องยอมรับว่ามีราคาถูกกว่า


Ford Everest Titanium 4X2Mazda Cx-8 2.5 SP
ในเมือง (ก.ม./ลิตร)11.7610.52
นอกเมือง (ก.ม./ลิตร)16.1215.15
เฉลี่ย (ก.ม./ลิตร)14.0813.15

ในภาพรวม ฟอร์ดประหยัดกว่า อย่างชัดเจน ด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่า และเกียร์ที่มีอัตราทดมากถึง 10 สปีดด้วยกัน แต่ถ้ามามอง เรื่องสำคัญ อย่างการปล่อยไอเสีย จะพบว่า มาสด้า ปล่อยน้อยกว่า เพียง 178 กรัม/กิโลเมตร ส่วนฟอร์ด ปล่อยที่ 187 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งถือว่า มากพอสมควร

ทางด้านช่วงล่างและการขับขี่

ทั้งคู่ได้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าเหมือนกัน ต่างกันที่การเซทติ้งพวงมาลัย เพราะทาง ฟอร์ด จะมีความหนักแน่นมากว่า

ส่วนระบบกันสะเทือน

มาสด้า ให้ ระบบช่วงล่างหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ทางด้านหลัง เป็นแบบ อิสระ มัลติลิงค์

ฟอร์ด ให้ ระบบช่วงล่างหน้า อิสระปีกน 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง เป็นแบบ วัตต์ลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง

อย่างที่เราทราบ พื้นฐานของ Ford Everest ก็คือ กระบะดัดแปลง มันจึงยังมีโครงสร้างแชสซี่อยู่ใต้ตัวถังเหมือนเดิม และปกติ รถกลุ่มนี้จะมีช่วงล่างที่ค่อนข้างแข็งตอบสนองการขับขี่ได้ดีเวลาต้องสมบุกสมบัน แต่ในยามขับทางปกติทั่วไป อาจจตอบโจทย์ได้ไม่ดีนัก เพราะจะมีความกระด้างมากเป็นพิเศษ

แต่จากที่ลองขับ Ford Everest รุ่นล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ต้องยอมรับว่า ตัวรถรุ่นใหม่ ตอบสนองการขับขี่ดีกว่าที่คาด ช่วงล่างเซทมาลงตัว มีความนุ่มนวลจนผิดกับความเป็น PPV ในอดีต

ทางด้าน มาสด้า เอง ก็มีดีในการใช้โครงสร้างแบบ Monoque อยู่แล้ว จึงได้ความสบายในการโดยสาร ประดุจดั่งรถเก๋ง ช่วยตอบสนองการขับขี่อย่างลงตัว

ไม่เพียงเท่านี้ใน CX-8 รุ่นใหม่ มาสด้า ยังจัดการอัพเกรด มาใช้ระบบ GVC Plus ซึ่งสามารถควบคุมการถ่ายเทน้ำหนัก และจัดการการควบคุมโครงสร้างตัวรถมวลรวมได้ดีกว่าเดิม ช่วยตอบสนองดีขึ้น โดยเฉพาะในทางโค้งต่อเนื่อง ที่ทำออกมาได้ดี ตั้งแต่รุ่นที่แล้ว

ตัวช่วยและความปลอดภัย

ทางด้าน ตัวช่วยและระบบความปลอดภัย ต้องบอกว่าทั้งสองคันต่างก็ให้มาจัดเต็มครบเครื่อง ดังนี้


Ford Everest Titanium 4X2Mazda CX-8 2.5 SP
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติAdaptive พร้อมฟังชั่น Stop&Go และ ฟังชั่น Lane CenteringAdaptive พร้อมฟังชั่น Stop&Go
ระบบไฟเลี้ยวตามองศาไฟหน้ามี
ระบบไฟสูงอัตโนมัติมีมี
ระบบเตือนเมื่อรถอยู่ในมุมอับสายตา ขณะเปลี่ยนเลนมีมี
ระบบเตือนและช่วยเบรกอัตโนมัติ ทางด้านหน้ามีมี
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยหลังมีมี
ระบบเตือน เมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนมีมี
ระบบช่วยควบคุมรถอยู่ในเลนมีมี
ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เหนื่อยล้ามี
ระบบควบคุมรถหลังเกิดการชนมี
กล้อง 360 องศามีมี

แต่ทางฟอร์ด ให้ความน่าสนใจมากขึ้น กับ ตัวช่วยระบบเตือนแรงดันลมยางมาให้ ส่วนใครที่เห็นรหัสรุ่น Titanium แล้ว คิดว่าจะมีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ต้องบอกว่า ระบบดังกล่าวมีแต่ในขับเคลื่อน 4 ล้อ ไม่ได้ใส่มาให้ในตัวขับ 2 ล้อ ซึ่งเป็นคู่เทียบกับ CX-8 ในครั้งนี้ ดังนั้น ออพชั่น รวมๆจึงค่อนข้างใกล้เคียงกัน

สรุป Ford Everest Titanium 4X2 VS Mazda CX-8 2.5 SP เลือกใครดี คุ้มสุด

จริงๆ การเลือกซื้อ รถของแต่ละคนมีวัตถุประสงคฝืที่อาจจะใกล้เคียงกัน แต่มีความแตกต่างกันในแง่การเลือกซื้อ เลือกหารถสักรุ่น

อันที่จริง ตัวรถทั้ง 2 รุ่น ต่างตอบความต้องการใช้งานของลูกค้าแตกต่างกัน สิ่งเดียวที่เหมือนกัน มันคือ รถยนต์อเนกประสงค์นั่นเอง

ถ้า พูดกับความคุ้มค่า หากคุณเป็นผู้ขับรถบนถนนทางเรียบมากกว่า เน้นการใช้งานในเมือง ขับบนถนนลาดยางออกเที่ยววันว่าง ต้องยอมรับว่า Mazda CX-8 จะค่อนข้าง ตอบสนองได้ดีในจุดนี้ จากบุคลิกเครื่องยนต์และช่วงล่างที่นุ่มนวลกว่า แถมยังมีพื้นที่การใช้งานเยอะ รถนั่งสบายพอตัว

ทางด้านฟอร์ด รุ่นใหม่ ได้ความกว้างขวางทันสมัยของห้องโดยสาร เครื่องลูกเล่น ส่วนการขับบนถนน เท่าที่สัมผัส มันก็ให้การขับและการนั่งที่สบายสุดๆ แต่ก็ยังมีความเป็นรถจากกระบะอยู่บ้าง ตามสไตล์ของรถกลุ่มนี้

แต่ข้อดีที่ต่างกันจริงๆของเจ้ารถคันนี้ ก็คือ มันพร้อมสำหรับความสมบุกสมบันมากกว่า ในยามจำเป็นต้องใช้ ทว่าหากจะให้ใช้ในเมืองบ่อย ๆ ก็ยอมรับว่า ด้วยความสูงใหญ่ ทัศนวิสัย อาจจะต้องพิจารณาบ้าง ในการใช้งาน

ด้วยราคาที่ต่างกันไม่มาก เราต้องยอมรับว่า Mazda CX-8 ในตัวรองบ๊วย ค่อนข้างคุ้ม เว้นแต่คุณ ต้องมีรถสำหรับ ขับในทางลุยบ้างจริงๆ Ford Everest ถึงจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

แม้ว่าราคาจะต่างกัน และเราจะตัดสินว่า รถคันไหนคุ้ม หากความจริง คนที่ซื้อต่างหาก คือคนจ่ายเงิน และตัดสินใจ ความคิดเห็นของเรา แค่เป็นส่วนหนึ่ง โดยพิจารณาจากรายละเอียด ทางเทคนิค ออพชั่นที่คุณจะได้เมื่อซื้อรถ

ส่วนคุณจะซื้ออะไร … ทุกอย่าง ลองช่างใจจากความต่างที่เราไล่เรียงมาด้วยตัวเองอีกทีครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่