ด้วยทิศทางตลาดรถยนต์ทั่วโลก ที่เหล่ารถอเนกประสงค์และครอสโอเวอร์ นับวันมีแต่จะกินส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้แม้แต่ค่ายที่เน้นการผลิตรถซุปเปอร์คาร์ยังต้องหันมาทำผลิตภัณฑ์แนวนี้กับเขาด้วย ไม่เว้นแม้แต่ค่ายม้าลำพองอิตาลี กับ Ferraro Purosangue ที่ทุกท่านกำลังเห็นกันอยู่ในขณะนี้

Ferrari Purosangue ถือเป็นรถยนต์ตัวถัง 4 ประตูคันแรก ที่ทางค่ายม้าลำพองเลือกจะทำออกมาขายในรอบ 75 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ แต่แทนที่มันจะมาพร้อมกับรูปทรงตัวถังแบบรถอเนกประสงค์ SUV เต็มขั้น เหมือนกับคู่แข่งสายตรงทั้งหลายอย่าง Lamborghini Urus, Aston Martin DBX, Rolls Royce Cullinan, หรือ Bentley Bentayga

เจ้ารถคันนี้กลับมาพร้อมกับตัวถังแบบรถครอสโอเวอร์แทน เพื่อไม่ให้รถดูเทอะทะเกินไป และให้ความรู้สึกที่ดูปราดเปรียวกว่าใครในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยการผสมผสานเส้นสายของเหล่าซุปเปอร์คาร์ของค่ายเอาไว้หลายรุ่น ทั้งชุดโคมหน้าดีไซน์แบบ SF90 Stradale

ส่วนไฟท้ายดีไซน์คล้ายกับ Roma เส้นสายของแนวหลังคาแบบลิฟท์แบ็คคล้ายกับทัวร์ริ่งซุปเปอร์คาร์ในอดีตอย่าง FF แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือประตูคู่หลังของมันนั้น เป็นแบบบานแขวนทางด้านหลัง เพื่อเปิดออกมาได้มากถึง 72 องศาในลักษณะของ “ตู้กับข้าว” คล้ายๆกับรถกระบะตอนครึ่ง หรือถ้าจะให้ฟังดูดีหน่อย คือเหมือนประตูของรถ Roll Royce

ส่วนงานตกแต่งภายในของตัวรถรุ่นนี้ ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้ภายนอก เพราะในขณะที่รถยนต์รุ่นใหม่ๆหลายๆคัน ไม่ใช่แค่เพียงรถซุปเปอร์คาร์ ต่างก็มาพร้อมกับชุดจอกลางขนาดใหญ่ เพื่อการแสดงผลและการปรับค่าต่างๆของตัวรถที่น่าตื่นตาตื่นใจ

เจ้า Purosangue กลับไม่มีหน้าจอกลางปรากฏอยู่บนคอนโซลแต่อย่างใด ทว่ามันจะมาพร้อมกับชุดหน้าจอกลางกรอบกลม สำหรับแสดงบอกเวลา หรือแรงเหวี่ยงขณะขับขี่ และข้อมูลอื่นๆเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น และจะมีจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ติดตั้งบนคอนโซล ตำแหน่งหน้าตรงของผู้โดยสารแทน ส่วนจอมาตรวัดเองก็ยังคงเป็นแบบฟูลดิจิตอล TFT ตามสมัยนิยมเช่นเคย รวมถึงงานตกแต่งชิ้นส่วนต่างๆภายในห้องโดยสาร ก็ยังคงเน้นไปที่งานหนัง ซึ่งถักปักเย็บมาอย่างดี และมีเส้นสายที่ดูสปอร์ตเป็นหลักตามสไตล์เฟอร์รารี่

ด้านข้อมูลมิติตัวรถโดยคร่าวๆ Purosangue ก็จะมีความสูงจากพื้นถึงหลังคาชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ เพียง 1,589 มิลลิเมตร, ขณะที่ความยาวตัวถังซึ่งทำขึ้นจากชิ้นงานอลูมิเนียมก็มีตัวเลขอยู่ที่ 4,973 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อ 3,017 มิลลิเมตร, และน้ำหนักตัวเมื่อไม่รวมของเหลว เพียง 2,033 กิโลกรัม

ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ แม้มันจะมาพร้อมกับเลย์เอาท์ตำแหน่งการวางขุมกำลังเอาไว้ด้านหน้า และใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ด้วยการวางตำแหน่งเสื้อเกียร์ 8 สปีด และชุดเกียร์ฝากเอาไว้ทางด้านหลัง จึงทำให้สัดส่วนน้ำหนักหน้า-หลัง ของมันมีความสมดุลเป็นอย่างมาก ด้วยตัวเลข 49 : 51

แน่นอน จุดขายที่แท้จริงของรถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ จะต้องหนีไม่พ้นขุมกำลัง ที่ยังคงเป็นบล็อคเบนซิน V12 ตามฉบับเฟอร์รารี ซึ่งมันจะมีความจุอยู่ที่ 6.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ แต่สามารถทำแรงม้าได้สูงถึง 725 PS ที่ 7,750 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 716 นิวตันเมตร และมีเรดไลน์สูงถึง 8,250 รอบ/นาที พร้อมเคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกล็อคเอาไว้ที่ 310 กิโลเมตร/ชั่วโมง

และถึงแม้ ตัวรถรุ่นนี้ จะไม่ได้เป็นรถเฟอร์รารีคันแรกที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ แต่มันก็ถือเป็นรถเฟอร์รารีคันแรก ที่มีระบบช่วยลงทางชัน และ มีระบบควบคุมกันโคลงตัว ที่ใช้วิธีการแปรผันความหนืดของโช้กให้สัมพันธ์กับแรงเหวี่ยงด้วยระบบ True Active Spool Valve เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดกรณีรถพลิกคว่ำมาให้ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะมันคือรถที่มีตัวถังสูงกว่าพี่ๆร่วมแบรนด์อย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ทางค่ายม้าลำพอง ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่าพวกเขา จะวางขายเจ้า Ferrari Purosangue ด้วยราคาเท่าไหร่กันแน่ แต่หากอิงจากข้อมูลโดยสื่อฯต่างประเทศหลายๆเจ้าแล้ว พวกเขาก็คาดว่ามันจะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ไม่เกิน 400,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 14.676 ล้านบาท ซึ่งนี่เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าสำหรับการวางจำหน่ายในบ้านเราแต่อย่างใด

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่