ดูเหมือนว่าช่วงปี 2022 จะเป็นปีที่ Ford ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถกระบะของตนเองแทบทุกเซกเมนท์ ไม่ว่าจะเป็น Ford Next-Gen Ranger ที่ทำยอดจองถล่มทลายในไทย หรือ Ford Maverick ที่สามารถแย่งลูกค้าจากคู่แข่งมาได้มากกว่า 60% และล่าสุด Ford F-150 Lightning ที่กระแสตอบรับดีเยี่ยมจนถูกดีลเลอร์ฉวยโอกาสโก่งราคาเพิ่มกว่า 50%
Ford F-150 Lightning คือรถกระบะพลังงานไฟฟ้าคันแรกจากผู้ผลิตดังสัญชาติอเมริกา และแน่นอนว่าทันทีที่มันถูกเผยโฉมออกมา เหล่าผู้ใช้ในบ้านเกิดต่างก็ให้ความสนใจในตัวมันเองเป็นอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ด้วยปัญหาชิ้นส่วนขาดตลาดที่ส่งผลถึงความสามารถในการผลิตรถของโรงงาน จึงทำให้กลายเป็นว่าตัวรถรุ่นนี้ไม่สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้มากเท่าที่ควร
และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดีลเลอร์ หรือผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดบางแห่ง เกิดอาการหัวไส อยากฉวยโอกาสโก่งราคาหน้าร้านของตัวรถรุ่นนี้ขึ้นมา เพราะรู้ว่าโก่งไปยังไงลูกค้าที่อยากได้รถจริงๆก็ซื้อแน่ๆ โดยบางแห่งนั้นโก่งราคาเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 50% หรือเกินครึ่งจากราคาดั้งเดิมที่โรงงานตั้งเอาไว้
ยกตัวอย่างเช่น ตัวรถรุ่น Platinum ที่ดั้งเดิม มีราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยโรงงานแบบรวมภาษีที่ 93,854 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 3.26 ล้านบาท ทว่าราคาที่หน้าร้านขายจริงๆกลับกระโดดเป็น 133,854 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 4.66 ล้านบาท
นั่นเท่ากับว่าดีลเลอร์บวกราคารถเพิ่มถึงเกือบ 1.5 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของราคารถเดิม หรือเท่ากับว่าลูกค้าต้องเพิ่มเงินที่มากพอจนซื้อ Ford Mustang 2.3 EcoBoost ในสหรัฐอเมริกากลับบ้านอีกคันได้เลย ถ้าหากดีลเลอร์ขายรถกระบะตามราคาแนะนำจากโรงงานจริงๆ (คือในเม็ดเงินเท่ากัน แทนที่จะได้ทั้ง Mustang และ F-150 Lightning กลับบ้านทั้งสองคัน กลับสามารถซื้อได้แค่คันหลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันถูกโก่งราคา)
จุดที่น่าสนใจก็คือ แม้การโก่งราคารถที่ว่าจะหนักหน่วง และไม่ได้เกิดขึ้นที่ดีลเลอร์แห่งนี้เพียงเจ้าเดียว แต่ทาง Ford เองกลับยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ โชคดีที่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับ Ford Ranger รุ่นใหม่ที่มีกระแสดีไม่แพ้กันในบ้านเรา
ข้อมูลจาก Carscoops