กระแสการซื้อรถใหม่สักคันของคนไทย หลายคนมักจะนึกถึง “รถกระบะ” เป็นอันดับแรก ด้วยความเป็นรถที่คุ้นเคยกันมายาวนานจากรุ่นพ่อยันปัจจุบัน รถกระบะในวันนี้เปลี่ยนไปมากจากเดิม พวกมันทั้งมีตัวเลือกมากมาย มีหลายรุ่นย่อยนับสบให้คบหา เอาใจลูกค้าเข้าถึงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า “รถกระบะ” เหมาะกับเราจริงๆ หรือไม่ ทั้งๆ ที่ชีวิตคุณอาจไม่จำเป็นต้องซื้อรถกระบะเลยด้วยซ้ำไปในความเป็นจริง

1.เน้นนั่งหรือบรรทุก

คำถามแรกที่ควรถามตัวเองเลย คือคุณเน้นบรรทุก หรือนั่งโดยสารกันแน่ รถกระบะอาจจะดูเหมือนใช้งานได้อเนกประสงค์มากกว่า แต่การสูญเสียพื้นที่บางส่วนของตัวรถกับพื้นที่บรรทุก ทำให้คุณไม่สามารถโดยสารได้อย่างเต็มที่

และกลับกันกรณีโดยสารเต็มที่คุณก้จะมีพื้นที่บรรทุกน้อยลงด้วย เนื่องจากกระบะ 4 ประตู เป็นกระบะสั้นเน้นการโดยสารและบรรทุกไม่มากมายนัก การรองรับน้ำหนักบางรุ่นทำได้ต่ำกว่า 1 ตัน แถมราคาตัวรถ 4 ประตูก็ไม่ถูกสนนราคาเริ่มต้นก็ต้องมี 7 แสนกว่าบาทเข้าไปแล้ว

ดังนั้นถ้าคิดว่าชีวิตนี้น่าจะได้นั่งมากกว่าบรรทุก ตัดสินใจผละจากกระบะไปซื้อเก๋ง หรือรถอเนกประสงค์ อาจจะตอบโจทย์มากกว่า

2ใช้ในเมืองหรือไม่

ถ้าชีวิตปกติประจำวันของคุณส่วนใหญ่อยู่แตในเมืองที่แอดอัดการจราจรคับคั่งที่จอดรถแสนแคบ อย่า!! ซื้อกระบะเด็ดขาด

เหตุผลสำคัญคือกระบะเป้นรถที่มีขนาดใหญ่และมีความกว้าง กระบะปัจจุบันถูกเรียกว่า   Mid-Size Pick Up   หรือ ปิดคอัพขนาดกลาง มันโตกว่าเมื่อสมัยรุ่นพ่อเยอะมาก และทำให้ขับในเมืองไม่สะดวกเท่าไรนัก ไม่ว่าจะการจอด,การขับผ่านการจราจร ทั้งหมดจะยากลำบากมาก แถมยังกินน้ำมันด้วย

ดังนั้นชีวิตในเมืองถ้ายังต้องการการกำบังแดดและฝน อยู่ควรเลือก อีโค่คาร์ หรือซิตี้คาร์จะตอบโจทย์กว่ามากครับ

3.ลุยแค่ไหนเชียว

ผมมักได้ยินเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อกระบะว่า  ก็ถนนบ้านเรามันอุบาทว์ โลกพระจันทร์ยังเรียบกว่า ทำให้หลายคนมองว่ากระบะนี่แหละดี ถึกทน เจอหลุดรูดได้ ซึ่งก็เป็นความจริงเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น

ถึงแม้กระบะจะทำให้คุณกังวลกับหลุมน้อยลงและมั่นใจมากเวลาต้องผ่านทางทุรกันดาร แต่ก็ไม่ใช่ว่า กระบะจะตอบการขับขี่แบบลุยได้หมดทุกเส้นทางอย่างที่เข้าใจ โดยเฉพาะกระบะส่วนใหญ่เป็นขับเคลื่อนสองล้อ พวกมันยังสามารถติดหล่มได้เหมือนเช่นรถเก๋งปกติเหมือนกัน

และถ้าร้อยละ 80 อยู่บนถนนมากกว่า ต้องผ่านทางดิน หรือขับไปเจอน้ำท่วมบ่อยครั้ง  ก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องซื้อกระบะก็ได้ครับ

4.ไม่ประหยัดอย่างที่คิด

จากอดีตจนปัจจุบันภาพลักษณ์กระบะ นอกจากอึด ถึก ทน แล้ว เจ้าตลาดบางแบรนด์ยังเอามาชูเรื่องการประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์ดีเซลอีกด้วย

เครื่องยนต์ดีเซลมีข้อดี ตรงที่เป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงบิดเยอะกว่าเบนซินขนาดเดียวกันอยู่มากกว่าครึ่งต่อครึ่ง และแรงบิดยังมาเร็วในรอบต่ำ ทำให้ขับขี่ง่าย และไม่ต้องลากรอบมากเท่าที่ควรเป็นเหตุผลที่รถเครื่องเบนซินสามารถทำอัตราประหยัดดีกว่า …. แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ต่างกันนัก

ถ้าเทียบรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน กำลังเท่ากัน เครื่องดีเซลและเบรนซินไม่ได้ประหยัดต่างกันมาอย่างที่หลายคนคิด ยกตัวอย่างเช่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ใน   Nissan X Trail   เทียบกับในกระบะดีเซลเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร  เฉลี่ยแล้วจะตกการซดน้ำมันที่ 12-13 ก.ม./ลิตร และไม่มากกว่านี้ถ้าไม่ขับอืดเป็นเรือเกลือ ชนิดชีวิตนี้พี่ไม่รีบ

ดังนั้นในแง่ความจริงของการประหยัดน้ำมันดีเซลไม่ได้ประหยัดกว่าเบนซินอย่างมีนัยยะสำคัญ เพียงแต่เราอาจเห็นการปลุกระดมจากภาพว่ามันมาพร้อมเทคโนโลยีชั้นนำสมัยใหม่ มีกำลังมากกว่า จึงเชื่อว่ามันน่าจะประหยัดกว่า แถมทุกวันนี้น้ำมันดีเซลแพงกว่าเบนซินด้วยนะ

kra-ba-pickup (3)

5.ค่าบำรุงรักษาแพงนะ …

หลายคนพยายามเลี่ยงบาลีการหันมาใช้รถเครื่องดีเซล ว่า มันถึกดูแลง่าย และค่าบำรุงรักษาต่ำ

ความเชื่อดังกล่าว ผมกล้าพูดว่าใช้ไม่ได้กับในปัจจุบัน เพราะกระบะสมัยใหม่มีค่าดูแลรักษาแพงระยับกว่าที่คาด

เหตุผลข้อสำคัญมาจากการอัดเทคโนโลยีเข้าไปในเครื่องดีเซลปัจจุบัน เพื่อทำให้มันตอบสนองลูกค้าได้ ไม่ว่าจะ หัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง ,เทอร์โบชาร์จ ไปจนถึงชุดเกียร์อัตโนมัติหลายอัตราทด และอื่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะระบบช่วงล่างที่พยายามทำให้ขับได้ใกล้เคียงเก๋งมากที่สุด เท่าที่จำทำได้  รวมถึงยาง

ทั้งหมด นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายอันแสนแพงในการใช้งานระยะยาว รถบางรุ่นพอพ้นระยะรับประกัน ก็เริ่มมีอาการงอแงทันทีไม่ได้อึด ทนทายากเหมือนอดีตอย่างที่เข้าใจ ถ้าคิดจะเล่นกระบะต้องทำใจไว้เลยว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษษระยะยาวคุณสูงแน่นอน

6.ค่าผ่อนไม่ถูกนะ

รถกระบะสมัยใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ราวๆ 5 แสนบาทปลาย และเรามักจะเลือกซื้อกันจริงๆ ที่ 7 แสนบาทต้นๆ นั่นพอๆ กับคุณซื้อรถอเนกประสงค์เล็กหรืออีโค่คาร์รุ่นท๊อปเลยทีเดียว

ผลที่ตามมาจากราคาขาย คือราคาผ่อนต่องวดก็แพงตาม ซื้อกระบะถ้าไม่ดาวน์สูงระดับ 20-30%   จะมียอดผ่อนต่องวดเฉลี่ยที่ 10,000 บาทเป็นอย่างต่ำ (คำนวณที่รถราคา 6 แสนบาท) และสูงกว่านี้ถ้าคุณเลือกรถที่มีออพชั่นมากขึ้นกว่ารุ่นธรรมดา

จากทั้ง 6 ข้อที่เราลองมาทำให้คุณฉุกคิด คงจะเห็นแล้วว่า รถกระบะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างดี แต่มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน ดังนั้นก่อนซื้อสมควรตัดสินใจให้ดีครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่