ในโลกยุคใหม่หลายคนที่กำลังจะซื้อรถยนต์ใหม่สักคัน คงจะเคยผ่านตากับออพชั่น  ระบบขับเคลื่อน  All Wheel Drive   (AWD)   ที่เข้ามามีบทบาทในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น พวกมันถูกอุ้มชูให้มีความสามารถในการขับเคลื่อนสี่ล้อ จนบางทีดูเหมือนจะสามารถแสดงอภินิหารได้เกินคำบรรยาย

ยิ่งเมื่อผู้ใช้จำนวนมากทดลองไปผ่านประสบการณ์ใช้งานจริง ทว่าเจ้าระบบขับเคลื่อนแบบ   AWD   นี้ ท้ายที่สุดก็ยังมีจุดอ่อนบางข้อที่ทำให้มันแตกต่างจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4WD   ที่สืบทอดตำนานลุยมากยาวนาน และวันนี้เราจะไปดูว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกมันต่างกันอย่างไร 

 

มันต่างกันอย่างไร ระบบ  AWD VS 4WD 

ระบบ  All Wheel Drive  ….  

ในยุคที่รถยนต์อเนกประสงค์สมัยใหม่ครองเมือง ระบบ   All Wheel Drive   หรือ  AWD   กลายเป็นพระเอกขี่่ม้าขาวที่ทำให้รถยนต์อเนกประางคืมีค่า มีราคาและดูเหมือนจะพร้อมสรรพเรื่องลุยมากขึ้น จนคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด อยากนำพวกมันไปบุกป่าฝ่าดง และสุดท้ายจบลงอย่างน่าอนาถใจ 

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD / AWD

ผมไม่ได้บอกว่าระบบ  AWD   ทุกบริษัทเหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันทำงานคล้ายกัน  ระบบ  AWD   โดยส่วนใหญ่อาศัยการขับกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านชุดเกียร์ แต่จะมีการปรับกำลังขับที่เหมาะสมตามสภาพการร์ที่เกิดขึ้น หรือที่ผู้ขับขี่ต้องการ พวกมันอาศัยการตรวจสอบการหมุนของล้อผ่านโปรแกรมควบคุมการทรงตัวและระบบเบรก   ABS   ที่สามารถดูความเร็วล้อ แล้วผ่านกำลังไปยังล้อที่ต้องการกำลังมากที่สุด และระบบใหม่ๆ บางครั้งไม่แค่เพียงผ่านกำลัง แต่ยังปรับกำลังที่สูญเสียจากล้อหนึ่งไปยังอีกล้อหนึ่งได้ด้วย 

ตามปกติแล้วรถยนต์ที่มาพร้อมระบบ  AWD   จะมีการกระจายกำลังในอัตราที่เหมาะสมตามที่มีการตั้งค่าเอาไว้ เช่นระบบ Symetrical All Wheel Drive   ของ   Subaru XV  ที่มาพร้อมระบบเกียร์แบบ   CVT   จะตั้งแค่การส่งกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลังในอัตรา  60/40  และจะมีกำลังขับแบบนี้ จนกว่าระบบจะตรวจพบว่าอยู่ในถนนหรือเส้นทางที่มีการลื่นไถลง่าย ก็จะกระจายกำลังเป็น 50/50 ตามการสั่งการของหน่วยประมวลผล 

ระบบ  AWD   นอกจากระบบประเภทที่ขับกำลังทุกล้อตลอดเวลายังมีระบบที่ขับกำลังสี่ล้อในยามที่ต้องการจริงเท่าน้น ระบบแบบนี้ได้รับความนิยมในรถบางยี่ห้อ พวกมันถูกติดตั้งมาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบลักษณะดังกล่าวเราเรียกว่าระบบ   Real Time All Wheel Drive   มีในรถยนต์หลายรุ่นยอดนิยม อาทิ รถยนต์   Honda  CR-V   หรือ อดีตตัวเด็ด   Chevrolet Captiva 
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD / AWD

รถยนต์หลายรุ่นติดตั้งระบบ  AWD   เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจมากขึ้นในยามขับบนทางที่ลื่นไถลง่าย

 ข้อดีของการผ่านกำลังไปยังชุดล้อที่ต้องการในเวลาจริง คือรถไม่กินน้ำมันมากเกินไปเมื่อขับรถในภาวะปกติ  ช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมัน และยังปลอดภัยเมื่อยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ยามเกิดการลื่นไถล  

และด้วยความก้าวหน้าเทคโนโลยีในปัจจุบัน ระบบ  AWD  ของหลายบริษัทสามารถแบ่งกำลังขับได้คล้ายระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เช่นโหมด  Lock   ของ   Nissan  X Trail   หรือ  การติดตั้งระบบ   X Mode   ของ   Subaru  ทำให้รถมีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น  
หากจุดประสงค์หลักของระบบ   AWD   คือ ทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด โดยเฉพาะในภาวะการขับขี่มีอาจมีการลื่นไถลได้สูง เช่นขับในหิมะหรือทางฝนตก  เป็นต้น 

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD / AWD

Four Wheel Drive   (4WD)

คนจำนวนไม่น้อยที่เคยขับรถที่มีระบบขับเคลื่อน  AWD   แล้วนำพวกมันไปบุกป่าฝ่าดง แล้วรอดกลับมามีเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง คงจะบอก  ก็ไปได้นี่ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ความจริง คุณอาจมีโชคเข้าข้าง หรือไม่ก็มีฝีมือในการขับ เอาตัวรอดจากสถานการณ์การลุย รวมถึงระบบขับเคลื่อน  AWD   สมัยนี้บางแบบยังมีโปรแกรมช่วยลุยเสริมหรือแอบแฝงเอาไว้ โดยที่คุณไม่รู้ตัวมากก่อน 

Nissan brings new Terra SUV to South East Asia

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4WD   เป็นระบบจากโลกยุคเก่าที่ยังเก๋าอยู่ในปัจจุบัน ระบบลักษณะนี้ออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ โดยอาศัยการควบคุมผ่านระบบกลไกโดยตรง เพื่อควบคุมล้อทั้ง 4 ให้มีกำลังขับตลอดเวลา ในอัตราที่เท่ากัน  50/50  ระหว่างหน้าและหลัง โดยไม่ได้ใช้การควบคุมของระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าช่วย ในการขับเคลื่อน 

หัวใจสำคัญของระบบเคลื่อนสี่ล้อคือ ว่า ระบบจะขับกำลังไปยังล้อตลอดไม่ว่าล้อจะต้องการกำลังขับหรือไม่ ผ่านชุดเกียร์ที่มีการทดเอาไว้เพื่อขับ โดยระบบจะไม่ขับเคลื่อนสี่บ้อเองโดยอัตโนมัติ ถ้าผู้ขับขี่ไม่สั่งการใช้ระบบให้ทำงาน รวมถึงระบบขับเคลื่อนบบนี้ยังมี 2 ตำแหน่งในการขับขี่ให้เลือก  คือ ตำแหน่งเกียร์ปกติ  และ ตำแหน่งเกียร์ต่ำ หรือ เกียร์   Low   ซึ่งจะมีอัตราทดเกียร์มากกว่าปกติ เหมาะกับการต้องลุยปีนป่าย หรือฝ่าอุปสรรค ที่อาจต้องการแรงบิดมากกว่าปกติ 

ในแง่  การใช้งานจริง ด้วยความที่ระบบเหล่านี้ไม่ได้ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์กำลังขับที่ส่งมาจึงอาจไม่ได้กระจายเท่ากันสี่ล้อตลอดเวลา ทำให้ในบางสถานการณ์ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออาจไม่สามารถฝ่าอุปสรรค เช่นถ้าล้อคุณลอยชี้ฟ้าข้างหนึ่ง อีกข้างอยู่ในหลุม ล้อข้างที่ไม่มีภาระจะหมุนโดยอิสระและไม่ส่งกำลังไปอีกข้าง หากสองล้อหน้าไม่มีจังหวะตะกุยที่ดี ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะต้องขอความช่วยเหลือให้ใครสักคนมาช่วยคุณ 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อวิศวกรคิดติดตั้งระบบ locking differential มาให้ ระบบนี้จะล็อคเพลาขับระหว่างล้อซ้ายกับขวาให้หมุนในอัตราที่เท่ากัน ทำให้การฝ่าอุปสรรคง่ายขึ้น และคลายปัญหาเรื่องการลุยไปได้หลายเปราะ 

อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญของระบบ   4WD   คือ พวกมันใช้ลุยได้ดี แต่ไม่เหมาะกับการขับบนถนนทั่วไป ไม่ว่าถนนลื่นหรือไม่ ระบบขับเคลืือนสี่ล้อแบบนี้ จะมีการล็อคแรงขับในอัตรา 50/50 หน้าและหลังเสมอ ทำให้เกิดการเลี้ยวยาก เมื่อขับขี่ เนื่องล้อมีกำลังขับเท่ากันทั้งหมด มันคงไม่สนุกที่คุณจะขับรถแล้วรู้สึกขืนๆ  โดยเฉพาะเส้นทางที่มีทางโค้งต่อเนื่อง หรือเวลากลับรถ จึงไม่เหมาะต่อการขับบนถนน 

มันแตกต่างแล้วเลือกซื้ออะไรดีกว่ากัน 

หลายคนที่ต้องการระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มักตอบคำถามตัวเองในความต้องการในแง่การลุยเสมอ หรือต้องการรถสำหรับเที่ยววันว่างและสามารถไปได้มากกว่าแค่ขับบนถนน 

คำถามสำคัญคือ คุณต้องการลุยมากแค่ไหนกัน และอยากไปบุกป่าฝาดงขนาดไหน แต่ละคนให้ความหมายของคำว่าลุยไม่เท่ากัน แต่ถ้าให้บัญญัติว่าเมื่อไรต้องการระบบขับเคลื่อนแบบ   4WD   คุณต้องลุยระดับเขากระโจม  มีการปีนป่านทางชัน มีเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อเยอะๆ ไม่สวยงามราบเรียบ ซึ่งถ้าคุณลุยอย่างน้อยเดือนละครั้ง 4WD  คือเพื่อนแท้ 

แต่กลับกันถ้าคุณเป็นคนปกติ ใช้ชีวืตในเมืองมากกว่าขับรถบนถนนปกติมากว่า และเพียงต้องการว่าในวันว่างเราจะควงกันไปเที่ยวไปลุยแบบไม่ถึงกับต้องเข้ารกเข้าพงมาก เอาพอให้ชีวิตมีสีสัน  และยังต้องการรถที่ตอบสนองได้ดีในการขับขี่ทุกวัน พร้อมช่วยคุณเสมอตลอดทั้งเส้นทาง ระบบขับเคลื่อนแบบ  AWD   น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า  

ถ้าสรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ว่าทั้ง 2 ระบบต่างกันอย่างไร คงจะได้ข้อมูลคร่าวๆ ประมาณนี้ 

  AWD 4WD
ปรับเป็นขับสองได้ ทำได้บางยี่ห้อบางยี่ห้อ ได้
ขับสี่ล้อตลอดเวลา ใช่ (มีการแปรผันหน้าและหลัง กำลังขับไม่เท่ากัน) ไม่ใช่
การประหยัดน้ำมัน แย่กว่า ดีกว่า
ความสามารถในลุย ขึ้นอยู่กับโหมดขับขี่หรือการเซทโปรแกรมของวิศวกร เลือกได้ 2 ระดับ 4 Hi – 4 Low   และอาจมากกว่านี้ในบางผู้ผลิต
การขับกำลังสี่ล้อโดยอาศัย กลไก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานควบคู่กัน ระบบกลไกเป็นหลัก
เหมาะกับการขับบนถนน เหมาะใช้งานได้ตลอดทุกสภาพถนน ไม่เหมาะควรปรับเป็นขับสองเมื่ขับบนถนน

มาถึงตรงนี้เชื่อว่า หลายคนคงอยากให้ฟันธงว่า ระบบไหนเหมาะกับคุณกว่า ผมคงไม่สามารถตอบได้ว่า ระบบไหนจะเหมาะกับคุณผู้อ่านมากกว่า เนื่องจากภาวะการใช้รถของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน  แต่วันนี้อย่าวน้อยที่สุดคุณก็เข้าใจในเบื้องต้นแล้วว่า ระบบทั้งสองต่างกันอย่างไร และในวันหน้าถ้าต้องเลือกรถที่มาพร้อมระบบเหล่านี้ จะได้มองหาตัวเลือกที่ถูกต้อง 

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์   Ridebuster.com  ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง  Facebook 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่