Daihatsu Rocky เอสยูวีขนาดย่อมเพื่อตลาดญี่ปุ่น เกิดมาเป็นแฝดกับ Toyota Raize เด่นด่วยเครื่องเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.0 ลิตร พร้อมออปชั่นจำเป็นเต็มคัน

แบรนด์ไดฮัทสุเมื่อพูดถึงกันในบ้านเราหลายคนติดภาพรถขนาดเล็ก โดยเฉพาะกับเจ้า Mira ที่เคยขายดีเทน้ำเทท่าเมื่อยี่สิบปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดญี่ปุ่นเพิ่งมี B-SUV คันใหม่ในชื่อ Daihatsu Rocky อเนกประสงค์คันล่าสุดที่สร้างบนพื้นฐาน DNGA เดียวกับ Toyota Raize ฝาแฝดร่วมเครือ

จริงๆ แล้ว Rocky ถูกนำไปจอดโชว์ที่งาน Tokyo Motor Show 2019 เป็นรถปริศนาไม่ยอมแปะป้ายชื่อหรือข้อมูลอะไรให้ได้รู้ แต่ตอนนี้ชื่อจริงของมันถูกเปิดเผยพร้อมรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน ไม่ได้ต่างอะไรจาก Raize จากโตโยต้า โดยมิติตัวถังมีความยาว 3,995 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร ความสูง 1,620 มิลลิเมตร ขณะเดียวกัน ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,525 มิลลิเมตร

ความแตกต่างระหว่าง Rocky กับ Raize สังเกตุได้ชัดเจนสุดบริเวณกระจังหน้า โดยรูปทรงออกไปทางบึกบึนแข็งแกร่งตามแบบฉบับเอสยูวีแท้ๆ จะอยู่บน Rocky ส่วนโฉมหน้าแนวเอสยูวียุคใหม่เน้นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงจะเป็นของ Raize เมื่อมองด้านข้างล้ออัลลอยคือสิ่งเดียวที่แยกความต่างระหว่างรถสองรุ่นนี้ และท้ายรถนี่บอกได้ว่าความต่างคือตรายี่ห้อเท่านั้น

การตกแต่งห้องโดยสารภายในมีทริมตกแต่ง วัสดุหุ้มเบาะ รวมถึงเกรดของวัสดุเหมือนกับฝาแฝด Raize อีกทั้งยังมีหน้าจอ TFT บอกความเร็วกับข้อมูลอื่นๆ หน้าผู้ขับขี่ ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ตามหลากหลาย ไม่น้อยหน้าไปกว่ารถเอสยูวีจากทวีปยุโรป

ประเด็นความสบายในห้องโดยสารยังคงเป็นจุดขายที่ทำให้ Rocky สามารถดึงความสนใจจากลูกค้าได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเพิ่มช่องเก็บของรอบคัน ทั้งใต้เบาะคู่หน้า รวมถึงเบาะหลังปรับเอนถมพับได้แบบ 60:40 ช่วยให้พื้นที่เก็บสัมภาระรวมเพิ่มสูงขึ้น จากปกติ 369 ลิตร ไปเป็นปริมาตรที่ใส่ของขนาดใหญ่ชิ้นยาวลงในตัวรถได้พอดี

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3 สูบ รหัส 1KR-VET ขนาด 1.0 ลิตร 996 ซีซี. มอบกำลังสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร (14.3 กก.-ม.) ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หน้า หรือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และที่สำคัญวงเลี้ยวของมันแคบเพียง 4.9-5.0 นิ้ว แปรผันตามไซส์ล้อ 16-17 นิ้ว

เหนือสิ่งอื่นใด Rocky ไม่ได้ละเว้นการจัดความปลอดภัย เพราะมีการใส่ระบบมาทั้ง Active Safety และ Passive Safety อาทิ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับสายตา ฯลฯ

ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นตั้งไว้ระหว่าง 1,750,000 – 2,242,200 เยน (ราว 485,000 – 622,000 บาท) มีโมเดลให้เลือกทั้งสิ้น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ L, X, G และ Premium ส่วนคำถามว่ารถคันนี้จะมาเมืองไทยหรือไม่นั้นเรามิอาจตอบได้ในตอนนี้

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่