นอกจากการเป็นบริษัทที่สามารถทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทยได้เป็นอันดับ 1 ล่าสุดยังมีรายงานอีกว่าเมื่อรวมยอดขายทั่วโลกของพวกเขาแล้ว ทางค่ายก็สร้างความสำเร็จได้ดีไม่แพ้กัน

จากการประกาศตัวเลขโดยทาง BYD ระบุว่าในปี 2022 ที่ผ่านมานั้น พวกเขาสามารถทำยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEVs จากกลุ่มลูกค้าทั่วโลกไปได้มากถึง 911,140 คัน หรือหากรวมยอดขายของรถยนต์พลังงานลูกผสมอย่าง Plug-In Hybrid ของค่ายแล้ว ก็จะเท่ากับว่าพวกเขาสามารถขายรถของตนเองให้กับลูกค้าทั่วโลกได้มากถึง 1,868,543 คัน

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ หากคิดเป็นเปอร์เซ็น หรืออัตราการเติบโต ก็จะเท่ากับว่าทาง BYD สามารถทำยอดขายรถยนต์ BEVs ของตนในปี 2022 ได้มากกว่าในปี 2021 ขึ้นถึง 184% หรือเกือบสองเท่า ในขณะที่หากคิดยอดรวมการขายรถยนต์ทั้งหมดของตนเอง ก็จะเท่ากับว่าพวกเขาสามารถทำยอดขายที่เติบโตกว่าเดิมถึง 214.7%

แน่นอน แม้หากมองไปที่ตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEVs จำนวน 911,140 คัน เพียงอย่างเดียว มันก็อาจจะยังไม่สามารถเทียบเคียงกับยอดขายของรถยนต์ BEVs จากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของตลาดอย่าง Tesla ได้ เพราะฝ่ายหลังมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% จากทั่วโลก รวมกันสูงถึง 1,313,851 ในปี 2022 ที่ผ่านมา

แต่หากมองไปที่ตัวเลขอัตราการเติบโตแล้ว ปรากฏว่า Tesla มียอดขายเติบโตจากปี 2021 เพียง 40% เท่านั้น ซึ่งอาจจะดูเหมือนเยอะ แต่เมื่อเทียบกับ BYD ที่มียอดขายรถ BEVs เติบโตกว่า 184% จากช่วงเวลาเดียวกันนั้น จะเห็นได้ว่าผู้ผลิตสัญชาติจีนนั้นถือเป็นดาวรุ่งที่พุ่งแรงมากเลยทีเดียว

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้ BYD สามารถทำยอดขายรถยนต์ของตนเองทั้งที่เป็นขุมกำลัง BEVs และ Plug-In Hybrid เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะราคาวางจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่าง 100,000 – 200,000 หยวน หรือราวๆ 4.9 แสน – 9.9 แสนบาท

นั่นจึงทำให้ลูกค้าชาวจีนสามารถเข้าถึง และจับต้องรถของพวกเขาได้ง่ายกว่าคู่แข่งพอสมควร โดยไม่ใช่แค่เฉพาะ Tesla เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่แข่งสัญชาติเดียวกันที่ทำตลาดก่อนมานานแล้วอย่าง Nio และ Xpeng ก็ด้วย แม้ว่าในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา ประเทศจีนถูกรัฐบาลคุมเข้มเรื่องมาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ให้เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง จนภาคเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ หน่วยงาน China Passenger Car Association (CPCA) หรือ สมาคมข้อมูลตลาดรถยนต์นั่งจีน ได้มีการประเมินเอาไว้ว่า ในปี 2023 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอาจมีการถดถอยลงอีก 30% เพราะปัญหาในเรื่องสายพานการผลิตและอื่นๆอีกมากมาย

ดังนั้นในปีนี้เราจึงต้องมารอลุ้นกันอีกทีว่าทาง BYD จะยังสามารถเติบโตทางยอดขายได้น่าประทับใจเช่นนี้ต่อไปอีกปีหรือไม่ ?

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่