นอกจากการเผยโฉม All-New BMW X2 ในช่วงเวลาเดียวกันเอง ทางค่ายยังได้มีการเปิดตัวร่างไฟฟ้าอย่าง All-New BMW iX2 ออกมาด้วย และนี่ถือเป็นครั้งแรกกับการทำรถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้า หลังคาคูเป้ของแบรนด์
เช่นเดียวกับ BMW iX1 และ BMW iX3 ตัวรถ BMW iX2 เอง ก็ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ All-New BMW X2 เช่นกัน
ดังนั้น หากมองจากหน้าตาภายนอก เราก็จะเห็นได้ว่ามันแทบไม่ได้มีหน้าตาที่แตกต่างไปจากคู่แฝดเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องของรูปทรงตัวถังแบบรถอเนกประสงค์ท้ายลาดค่อนไปทางคูเป้ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง BMW ทำรถยนต์ไฟฟ้ารูปทรงตัวถังนี้ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ทั้ง X4 และ X6 ต่างก็ยังไม่มีร่าง iX4 หรือ iX6 ใดๆทั้งสิ้น
แต่เพื่อให้ตัวรถมีความแตกต่างจากร่างต้นสักหน่อย มันจึงได้รับการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนบางประการ เพื่อให้สมกับความเป็นรถยนต์ตระกูล i นั่นคือ การเปลี่ยนมาใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบ พร้อมลายกราฟฟิกแบบสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดไล่ระดับขนาดเล็ก-ใหญ่จากด้านในไปด้านนอก และกันชนท้ายเอง ก็มีการเปลี่ยนรายเอียดช่วงครึ่งล่าง รวมถึงไม่มีปากปลายท่อไอเสียติดตั้งอยู่แต่อย่างใด เพราะไม่มีให้ใช้อีกต่อไปแล้ว
นอกจากนี้ทาง BMW ยังระบุอีกว่า ภายในแนวกันชนหน้า และกันชนท้าย ทางวิศวกรยังได้ทำการเสริมชิ้นส่วนกันกระแทกมากกว่าคู่แฝดที่ใช้ขุมกำลังสันดาปภายใน เพื่อลดความเสี่ยงที่ตัวแบตเตอรีจะได้รับความเสียหายเมื่อเกิดการชนอีกด้วย
ส่วนงานตกแต่งภายใน อันที่จริงก็เรียกได้ว่าเหมือนกันทุกจุด ทั้งงานออกแบบคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง พวงมาลัย ปุ่มสวิทช์ต่างๆ แม้แต่จอมาตรวัดเชื่อมต่อกับหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ จัดการควบคุมด้วยระบบซอฟท์แวร์ BMW Operating System 9 ก็ยังคงมีมาให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จะต่างกันก็แค่เพียงวัสดุการตกแต่ง ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ตามลักษณะความชอบของกลุ่มลูกค้าก็เท่านั้น
แน่นอน จุดขายที่แท้จริงของ iX2 ย่อมเป็นเรื่องของขุมกำลังและแบตเตอรี่ โดยเจ้าตัวรถรุ่นนี้ จะมีเพียงรุ่นย่อยเดียว คือ รุ่น xDrive30 ซึ่งจะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ สำหรับแยกกันทำงานขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า และชุดล้อคู่หลัง ให้กำลังรวมกันสูงสุด 313 PS และแรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร
ฝั่งแบตเตอรี่ที่ให้มา มีขนาด 64.8 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งตามมาตรฐาน WLTP ที่ราว 417-449 กิโลเมตร แล้วแต่การใช้งาน พร้อมเคลมความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.6 วินาที
ด้านความสามารถในการชาร์จ หากเป็นการชาร์จด้วยระบบไฟ AC 11 kW จะใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในเวลา 6.5 ชั่วโมง หรือหากชาร์จด้วยระบบไฟ AC 22 kW ก็จะร่นระยะเวลาลงเหลือ 3 ชั่วโมง 45 นาที
ส่วนการชาร์จไฟด้วยระบบ DC ก็จะรองรับความแรงในการชาร์จไฟสูงสุด 130 kW และจะใช้เวลาในการชาร์จจาก 10-80% ใน 29 นาทีเท่านั้น โดยตัวรถยังมีระบบพิเศษ ที่จะช่วยลดอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการชาร์จด้วยโหมด DC อีกด้วย โดยอาศัยการตรวจเช็คตำแหน่งพิกัดตัวรถก่อนเข้าสถานีชาร์จนั่นเอง
และเช่นเดียวกับ BMW X2 ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลใดๆทั้งสิ้นว่า BMW iX2 จะถูกนำมาวางจำหน่ายในประเทศไทยของเราจริงๆเมื่อใด และที่สำคัญคือมันจะถูกนำมาผลิตในประเทศไทยด้วยเลยหรือไม่นั้น ก็ยังต้องรอดูกันต่อไปด้วยเช่นกัน