ปัจจุบันภาพรวมตลาดรถหรูทั่วโลกรวมถึงเมืองไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยแบรนด์หรูที่ขายดีที่สุด ณ ตอนนี้คือ Mercedes-Benz ค่ายรถสัญชาติเยอรมัน ซึ่งทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง Audi กับ BMW อยู่ประมาณหนึ่ง แต่ในอนาคตคู่ปรับตลอดกาลค่ายใบพัดสีฟ้าก็มีเป้าหมายสำคัญคือ การคว้ำตำแหน่งรถพรีเมียมที่มียอดขายอันดับหนึ่งในโลกให้ได้ภายใน 2 ปีต่อจากนี้

 

 

จะว่าไปแล้ว BMW กับ Mercedes-Benz นั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานนม แม้ว่ารถทั้งสองแบรนด์จะนำเสนอความพรีเมียมเหมือนกัน ทว่ามันก็ยังแตกต่างในเรื่องเอกลักษณ์ของรถที่อีกค่ายเน้นขับขี่สนุก ส่วนอีกฝั่งก็ชูจุดเด่นเรื่องการนั่งโดยสารและความหรูหรามีระดับ อย่างไรก็ตามอีกสองปีต่อจากนี้ BMW ตั้งเป้าหมายไว้ว่าพวกเขาจะต้องทำยอดขายแซงรถตราดาวให้ได้

คำพูดของบีเอ็มดับเบิลยูไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ แต่อย่างใด เพราะปีที่ผ่านมายอดขายของพวกเขากับค่ายรถตราดาวอยู่ห่างกันไม่กี่อึดใจ นอกจากนี้ด้วยแผนการนำเสนอรถโมเดลใหม่ๆ สู่ตลาด ทั้งรถปลั๊กอินไฮบริดรวมถึงรถไฟฟ้า ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้บีเอ็มดับเบิลยูก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์รถหรูได้ไม่ยากนัก

จากคำพูดของซีอีโอบีเอ็มดับเบิลยู Harald Krüger ได้ระบุว่า “ในปี 2020 ที่จะถึงนี้ เรามั่นใจว่ายอดขายรถของเราจะกลับมาสู่อันดับ 1 อีกครั้ง เพราะนอกจากเราจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่จำนวนมากเข้าสู่ตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้ตรงใจที่สุด และเรายังพัฒนาในส่วนของผู้แทนจำหน่ายให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าปัจจุบัน”

 

 

บีเอ็มดับเบิลยูนั้นเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มรถยนต์หรูเป็นเวลากว่า 10 ปี แต่ในปี 2016 เบนซ์กลับทำยอดขายดีขึ้นจากการเปิดตัวรถ SUV และรถแฮทช์แบ็ก A-Class ซึ่งมียอดขายสูงกว่า BMW 1 Series ขณะเดียวกันปี 2017 ที่ผ่านมายอดขายของบีเอ็มดับเบิลยู เพิ่มขึ้น 4.2% หรือคิดเป็นจำนวน 2.09 ล้านคัน แต่เบนซ์นั้นมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 9.9% แตะที่ 2.29 ล้านคัน โดยสาเหตุที่ทำให้ค่ายตราดาวมียอดขายถล่มทลายมาจากยอดขายที่จีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่