ทุหวันนี้ เทคโนโลยียานยนต์ถูกพัฒนา ให้ตอบสนองมากขึ้น ตามลำดับ มีหลายอย่างพัมนาให้มันตอบสนองในการขับขี่ได้ดีกว่ารถในยุคเก่ากาลก่อน หนึ่งในเรื่องทีตอนนี้ โซเชี่ยลคุยกันมาก โดยเฉพาะ คลับรถเล็กเครื่อง 1.0 เทอร์ โบ นั่นคือ การพัฒนาระบบ สายพานไทมมิ่งจุ่มน้ำมัน ที่มีหลายคนพบปัญหาจากการใช้งาน จนยังคำถาม เรื่องความทนทาน และความเหมาะสมกับประเทศไทย

สายพานไทมมิ่งจุ่มน้ำมัน หรือ Belt in Oil เป็น วิธีการใหม่ในการวิศวกรรมเครื่องยนต์ในการควบคุม Camshaft ให้ทำงานกับข้อเหวี่ยง เดิมที มีการเปลี่ยนจากสายพานปกติ มาเป็นโซ่ราวลิ้น ปัญหาของโซ่ คือมันจะมีเสียงดัง แม้ว่าจะมีความทนทานยาวนานใช้งานได้จนชั่วลูกชั่วหลานก็ตาม กลับกันสายพาน กลับทำได้ดีกว่า ในเรื่องเสียงรบกวนน้อยกว่ าแต่ก็เสื่อมสภาพไวกว่า จนต้องเปลี่ยนทุก 1 แสน ก.ม. ในอดีต

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิศวกรพบว่า การเอาสายพานไทมมิ่งจุ่มในน้ำมันเครื่องสามารถลดแรงเสียดทานได้ราวๆ 30% เมื่อเทียบกับ การทำงานของโซ่ราวลิ้น แน่นอนว่า การทำเช่นนี้ ช่วยลดการเสียดทานในระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ และตอบสนองในเรื่องการลดค่าไอเสีย รวมถึง ยังตอบสนองการขับขี่ได้ดีมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในเรื่องการประหยัดน้ำมัน

นั่นทำให้ เครื่องยนต์รุ่นใหม่จำนวนมากหันมาใช้วิธีการนี้ เป็นสูตรในการลดแรงเสียดทานจากเครื่องยนต์ ตลอดจน ในแง่ลดไอเสียจากการทำงานเครื่องยนต์ โดยเฉพาะจากชุดขับเครื่องยนต์ยังลดลงด้วย ช่วยตอบสนองในแง่การโดยสาร ได้อีกทาง

ฟังดู เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องดี ใช่ไหมครับ แต่อย่างทีทุกคนทราบ สายพานคือยาง ถ้ามันอยู่ในน้ำมันเครื่องเรียกว่าเปียกแทบตลอดเวลาตลอดอายุการใช้งาน ฟังก็คงน่ากลัวไม่น้อย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ในน้ำมันเครื่องมีสารที่ถูกออกแบบมาทำความสะอาดระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ หรือจะว่าไป เป็นสาร กัดกร่อนแบบหนึ่งนั่นเอง

แล้วจะเกิดอะไร ถ้ายาง อยู่กับน้ำมัน ที่ในตัวมันเป็นสารกัดกร่อนดีๆ นี่แหละ

ล่าสุด ในไทย เริ่มมีกลุ่มผู้ใช้ จำนวนหนึ่ง ออกมาเปิดเผย บอกเล่าเก้าสิบ ผ่านคาร์คลับว่า พวกเขาพบปัญหาเครื่องยนต์ และเมื่อมีการตรวจสอบถอดประกอบ (จากอู่นอกเสียส่วนใหญ่) พบว่า ปัญหา เกิดจากสายพานไทมมิ่ง โดนกัดกร่อน เมื่อชิ้นส่วนสายพานแตกจะเป็นตะกอนเล้กๆ เริ่มเข้าไปอุดตัน ตามกรองท่อดูดน้ำมันเครื่อง

ทำให้ ในที่สุดเมื่ออุดตันมากๆ เครื่องยนต์จะขาดน้ำมันเครื่อง และได้รับความเสียหาย จน บูม..!!! กลายเป็นเครื่องพัง

แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังแล้วร้ายแรงอย่างมาก จนหลายคนอาจจะกังวลในการใช้งาน แต่ส่วนใหญ่ จะการตรวจสอบ รถหลายคันที่พบว่ามีปัญหา สายพานเสียหายจนไปอุดตัน (จากการตอบของเจ้าของ หรือผู้โพสต์)

พบว่า ส่วนสำคัญข้อหนึ่ง คือมีการปรับจูนเครื่องใหม่ ผิดไปจากค่าโรงงาน อาจจะไปทำการ รีแมพเครื่องยนต์ ทำให้แรงม้า แรงบิดเพิ่ม ส่วนที่ตามมา คือค่าความร้อนระหว่างการขับขี่ และการทำงานของเครื่องยนต์

ในหลักการ ตัวระบายความร้อนหลัก ของเครื่องยนตื​ก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่มีความร้อนสะสมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สายพาน ที่ใช้น้ำมันเครืองชุดเดียวกับเครื่องยนต์ จะต้องถูกความร้อนดังกล่าวร่วมด้วย ทำให้สายพานได้รับความเสียหายจากความร้อน และแตก จนเกิดเหตุดังกล่าว

อีกด้าน จากรายงานในต่างประเทศ ระบุ ตรงกันว่าปัญหา สำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ตัวสายพานไทมมิ่ง แต่อยู่ที่คุณภาพน้ำมันเครื่อง ส่วนสำคัญ คือจำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% โดยมีคุณภาพตามมาตรฐาน ที่ผู้ผลิตกำหนด

การใช้น้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เพื่อหวังประหยัดเงิน อาจนำมาซึ่งความเสียหายเครื่องยนต์

รวมถึง ระยะเวลาในการถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรจะเป็นไปตามกำหนด ไม่ควรเกินระยะเวลาเข้ารับบริการ หรือ ยื้อเวลานาน เนื่องจาก คราบในน้ำมันเครื่อง อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส้รางความเสียหายกับสายพานในเครื่องยนต์

ตลอดจน พฤติกรรมการขับขี่ของเราๆ ท่านๆ เอง ก็มีผลสำคัญ​เมื่อน้ำมันเครื่องมีอุณหภูมิสูงในระหว่างการขับขี่ของเรา โดยเฉพาะการขับด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง อาจจะทำให้ เกิดปัญหากับสายพานได้ โดยเฉพาะ สายซิ่งที่ชอบเหยียบทำความเร็วบ่อยๆ ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ให้ดี

อย่างไรก็ดี , จากที่เราตรวจสอบ ข้อมูล สายพานไทมมิ่งในน้ำมัน ประเด็น ของมันอยู่ที่ปัจจัย จากน้ำมันเครื่อง และ ความร้อนที่มีผลต่อ วัสดุสายพานนั่นเอง

เมื่อมีความร้อน และผ่านการใช้งานนานๆ สานพานไทมมิ่ง ที่จุดน้ำมันมานาน จะแตกลายงา และ อาจมีเศษ หลุด ไปติดใระบบหมุนเวียนน้ำมันเครื่อง

ดังนั้น ถ้าถามว่า ปัญหาที่หลายคนพบ ของ Belt in Oil ว่า เศษสายพานไปติด น่ากลัวหรือไม่ ต้องตอบว่า ไม่ขนาดนั้น ถ้าคุณใช้ รถปกติ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามรอบ และ ใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ ยิ่งอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์บริการ ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

แม้ว่า อาการดังกล่าวจะไม่ออกอาการในทันทีก้ตาม มันก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนกำลังเสี่ยงจากความหัวใส ของวิศวกร ที่ต้องการลดไอเสีย เพิ่มความประหยัด จนลืมเรื่องความทนทาน ยิ่งหลายคนมองว่า ประเทศไทย เมืองร้อน ทำแบบนี้ มีแต่จะพังกับ พัง เพราะ บ้านเรา อากาศระดับวัวตายความล้ม ไม่ได้ ประเทศเมืองหนาวอย่างในยุโรป

ทว่า ถ้ามองจาก เคสที่นำมาคุยบนโซเชี่ยล เทียบกับ จำนวนรถ ที่ขายออกไป ก็เรียกว่า มีปริมาณน้อยมาก แต่ทุกครั้ง ก้จะได้รับความสนใจ เนื่องจาก เป็นปัญหาใหญ่ เหมือนระเบิดเวลา ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ และไม่มีทางรุ้ได้ จนกว่าจะถึงวันนั้น

แต่ส่วนที่น่ารำคาญใจ สำหรับ คนที่เบื่อเรื่องการดูแลรถ คงเป็น การต้องกลับมาเช็ค สายพานไทมมิ่งเป็นประจำ เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายในระหว่างการใช้งาน

จนแม้แต่ฝรั่งตั้งคำถาม คิดได้ไง เอาสายพานไปจุมน้ำมันเครื่อง แต่ต้องยอมรับในแง่ประสิทธิภาพ มันดีกว่าจริงๆ

เรื่อง โดย ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่