ในปี 2022 นับเป็นปีที่วงการรถยนต์ไทย มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้ง รถยนต์ไฟฟ้า ,​กระบะขาแรง แต่ในรอบปีนี้ มีเรื่องอะไรน่าสนใจ มาติดตามกันเลยครับ

The Return of Ralliart

ปีนี้ นับเป็นปีสำคัญ ของ มิตซูบิชิ เมื่อทางค่ายทรีไดมอนด์ ประกาศถึงการกลับมาของแบรนด์ Mitsubishi Ralliart สำนักแต่งในตำนานที่เหล่าสาวกหลายคนชื่นชอบ และมันก็ได้ประเดิมมาขายในรถหลายรุ่นของ บริษัท ทั้ง Mitubishi Trito, Mitsubishi Pajero Sport ไปจนถึง อีโค่คาร์ อย่าง Mitsubishi Mirage

Nissan Kicks แก้เกม

ทางด้าน นิสสัน ปีนี้ เป็นปีท๊อปฟอร์ม หลังมีการแก้เกมยกเครื่องการตลาดชุดใหญ่ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายใหม่ ชาวญี่ปุ่น ทีมได้จัดการปรับรุ่น Nissan Kicks โดยทำราคาให้มีความเหมาะสมมากขึ้น พร้อมกับปรับปรุงสมรรถนะระบบขับเคลื่อนให้สามารถตอบสนองในการใช้งานดีขึ้น เพิ่มกำลังขับ และ ขนาดแบตเตอร์รี่ จึงประหยัดกว่าเดิม

แถมยังแนะนำรุ่น Autech ทำให้รถมีความหล่อเหลาน่าใช้งานมากขึ้นด้วย แต่ทั้งหมด อยู่ในราคาที่สามารถจับต้องได้มากขึ้น จนทำให้รถรุ่นนี้ขายดี และต้องรอกันยาวๆ 3-4 เดือน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

Ford Ranger Raptor ครั้งแรก กระบะ V6 ในไทย

ทางด้านค่ายวงรีสีน้ำเงิน ในปีนี้ ทางฟอร์ด เซอร์ไพร์สชาวไทยด้วยการนำเสนอ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พละกำลังดุดันเกือบ 400 ม้า แถมราคาขายของมัน ไม่ได้ต่างจากตัวก่อน ที่มีราคาอยู่ที่ 1.869 ล้านบาท หรือ แพงขึ้นไม่ถึง 2 แสนบาท

ด้วยราคาที่มาถูกกว่าที่คาด ทำให้รถรุ่นนี้ขายดีมาก จนถึงขนาดซื้อวันนี้ รับรถอีกทีก็อาจจะกลางปีหน้า กลายเป็นหนึ่งในรถสมรรถนะสูง ที่ขายดีไปแบบงงๆ จนแม้แต่ฟอร์ด ยังตกใจ ทำไม กระบะ พลังสูงขายดีกว่า Ford Everest เสียอีก

Tesla มาไทย

กระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ในไทย แซ่ซ้องไปถึงพระบิดา อย่าง Elon Musk จนทำให้ แบรนด์ยักษ์ใหญ่ Tesla ในฐานะเจ้าตลาดไม่รอช้า รีบเร่งเครื่องมาลงขายในไทย โดยเปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคมนี้หมาดๆ

การมาของ Tesla ในไทย นับเป็นชาติ ที่ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ โดยรถที่ขายในบ้านเรานั้น เป็นรถยนต์ไฟฟ้า รุ่น Model 3 และ Model Y นำเข้าจากประเทศจีนทั้งคัน ทำให้ราคาตีได้ค่อนข้างต่ำ โดย รุ่น Model 3 ทำราคาถูกเพียงเริ่มต้น 1.759 ล้านบาทเท่านั้น

มีรายงานว่าในวันแรกที่เปิดจอง มีคนสนใจจำนวนมากจนยอดขาย ทะลุ 4,000 คัน จากการจองในรูปแบบออนไลน์ ของทางแบรนด์

Toyota BEV ถึงไทย

แม้เราจะเล่าเรื่องของ Tesla ก่อน ทว่าทางแบรนด์ โตโยต้า เจ้าตลาดก็ไม่ทำให้คนไทยที่รอคอยผิดหวัง เปิดตัวรถยนต์ Toyota bZ4X ในไทยเป็นตลาดที่ 4 ในโลก และเป็นชาติแรกๆในเอเซีย นอกจากประเทศจีน

โดยรถรุ่นนี้ขายในไทยเพียงรุ่นเดียวคือ ตัวท็อปสุด ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีราคาจำหน่าย 1.836 ล้านบาท และตั้งแต่เปิดจอง เพียงชั่วโมงเดียวมีคนจองล้นหลามกว่า 1,600 คัน ทุบสถิติ ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในตลาด และ ปิดจองไปในเวลา 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เปิดตัว

มีรายงานว่า รถล็อตแรก จะเริ่มเข้ามาในเดือน มกราคม และ กุมภาพันธ์ 2566 ราวๆ 200 คัน หลังจากนั้น ใครที่อยากได้ ต้องรอกันต่อไป

แบรนด์ จีน มาไทย เพิ่มขึ้น

ในปีนี้ เป็นปีที่เราต้องจารึกว่า ผู้ผลิตชาวจีน มาประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจาก MG เรามี Greart Wall ในปีที่แล้ว และปีนี้ เราต้อนรับอีก 2 แบรนด์ คือ Neta และ BYD ที่เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในไทย โดยทั้งคู่พุ่งเป้า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า BEV เป็นหลักเหมือนๆกัน

Neta ได้เปิดตัวรถ Neta V ขายในไทย ในราคาถูก เพียง 594,000 บาท เท่านั้น

ส่วน BYD วางขาย BYD Atto 3 สร้างปรากฏการณ์ “ตบยุงรอซื้อรถข้ามคืน” กันมาแล้ว

BEV spring

ปีนี้ ต้องยอมรับว่า เป็นปีที่กระแสรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Battery electric Vehicle เป็นที่กล่าวขวัญมากจากคนที่มองหารถยนต์คันใหม่ และมีแนวโน้ม ว่าจะซื้อรถเพิ่มในปีนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ราคาน้ำมันที่พึ่งขึ้นแรงตั้งแต่ในช่วงต้นปี ประกอบกับ การเข้ามาของ PTT ทำให้คนเริ่มมั่นใจในจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีจำนวนมากขึ้น ที่สำคัญ ช่วงแรกยังมีนโยบายชาร์จฟรี ทำให้คนแห่ ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างบ้าคลั่ง

ประกอบกับ ตอนนี้หลายคน ซื้อรถยนต์ไม่ได้รถ จึงทำให้ กระแสเฮโล ไปจองหลายยี่ห้อ และส่วนใหญ่ เกิดประเด็นว่า ซื้อรถ แล้วยังไม่ได้รถในทันที ต้องรอหลายเดือน จากภาวะชิพชาดแคลน จนทำให้ตอนนี้ ใครพร้อมมีรถส่งมอบก่อน เท่ากับได้เปรียบกว่า

และปีนี้ มีรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวเพิ่มขึ้นราว 3-4 รุ่น อาทิ MG ZS EV ปรับ โฉม,​ MG 4 EV, BYD Atto 3, Neta V, ORA Good Cat GT รวมถึง การนำเข้า อย่าง Toyota BZ4X, Tesla Model 3 และ Model Y จนเป็น ปีที่มีรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ มากที่สุด เป็นประวัติการณ์

จนข้อมูลจากต่างชาติ ชี้ว่า ไทย เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีการเติบโตเร็วที่สุด ในอาเซียน เหนือกว่า มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ทำให้เราเป็นประเทศที่มีศักยภาพในเรื่องนี้มากที่สุด

ถึงจะพูดแบบนั้น จากข้อมูลการวิเคราะห์ ของ โตโยต้า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น ของ ตลาด มวลรวมรถนั่ง ไม่รวมรถกระบะ,นั่นไม่ได้เยอะ อย่างที่หลายคนคิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันกำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าตกใจ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่