น้ำท่วมถนน… ปัญหาหลักที่ชาวกทม. รวมถึงคนในหลายจังหวัดมักพบเจอช่วงฤดูฝน บางคนก็พอรู้วิธีรับมือให้ขับรถผ่านไปได้ แต่ถ้าไม่รู้ก็อ่าน 9 เคล็ดลับในการขับรถฝ่าน้ำท่วมจากเรา

 

เชื่อได้เลยว่าหลายคนที่ขับรถอยู่หลายท่านยังไม่ทราบวิธีการรับมือเมื่อต้องพารถผ่านพื้นที่น้ำท่วม บางคนก็พอรู้มาบ้างว่าต้องทำอะไร แต่พอเอาเข้าจริงวิธีที่บอกมาเหล่านั้นยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ฉะนั้นในบทความนี้เราจึงมาเคล็ดลับง่ายๆ 9 ประการในการขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ชนิดที่ว่าทั้งรถและตัวคุณเองจะไม่ต้องรับความเสียหายแต่อย่างใด

 

1.อย่าให้น้ำสูงเกินครึ่งหนึ่งของล้อ

อันดับแรกเริ่มด้วยการประเมินสถานการณ์เบื้องหน้าก่อน โดยคุณดูได้จากรถคันที่วิ่งน้ำหน้าหรือวิ่งเข้ามาหาคุณ สังเกตุว่าปริมาณน้ำสูงเกินครึ่งล้อของรถคันที่มีขนาดเท่ากับรถของคุณหรือไม่ ถ้าต่ำกว่าครึ่งล้อก็มั่นใจได้ว่ารถจะแล่นผ่านบริเวณน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย 

 

2.หลีกเลี่ยงเส้นทางที่น้ำไหลแรง    

คุณควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเจอเส้นทางที่มีน้ำไหล หรือน้ำที่ไหลแรง เช่น น้ำท่วมอย่างฉับพลัน หรือกระแสน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง เพราะมันอาจทำให้รถยนต์ทุกประเภทซึ่งแล่นผ่านเกิดความเสียหายได้ ไม่เว้นแม้แต่รถกระบะหรือรถอเนกประสงค์

 

ขับรถผ่านน้ำท่วม

 

3.ปิดแอร์ทุกครั้งที่ต้องวิ่งฝ่าน้ำท่วม

เมื่อต้องขับรถบนถนนที่มีน้ำท่วม ควรปิดแอร์และเปิดหน้าต่าง เพราะการขับขี่บนถนนที่มีน้ำท่วมขณะเปิดแอร์อาจทำให้เครื่องยนต์ดับ เนื่องจากพัดลมจะทำงานและทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับ พัดลมก็จะหมุนรับเศษขยะที่ลอยมาตามน้ำ ซึ่งจะทำให้พัดลมเสียหายได้ และนำไปสู่ปัญหาเครื่องยนต์ร้อน

 

4.ต้องมั่นใจทุกครั้งว่าทางที่กำลังจะผ่านมีสภาพปกติ

ต้องให้แน่ใจว่า ถนนยังมีอยู่และไม่ได้รับความเสียหาย รวมถึงควรระมัดระวังเมื่อต้องขับขี่บนถนนที่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากอาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้ ควรขับรถบนกึ่งกลางหรือใกล้เคียงกึ่งกลางถนน เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีระดับน้ำต่ำที่สุด

 

ขับรถผ่านน้ำท่วม

 

5.ขับรถให้ช้าเมื่อผ่านน้ำท่วม

การขับรถเข้าสู่ถนนที่มีน้ำท่วมขังควรขับด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กม./ชม. และเพิ่มความเร็วเป็น 6 กม./ชม. เมื่อขับผ่านน้ำท่วมขัง ซึ่งการขับขี่ในสภาวะดังกล่าวจะทำให้เกิดคลื่นน้ำด้านหน้าและลดระดับน้ำบริเวณรอบห้องเครื่องยนต์ลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าสู่ที่กรองอากาศ และสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่างๆ หากใช้ความเร็วมากกว่านี้จะทำให้น้ำไหลผ่านกระจังหน้าเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ได้

 

6.ใช้เกียร์ต่ำ ขับคงที่ ไม่ถอนคันเร่ง

ควรใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของเกียร์ รักษาความเร็วให้คงที่ และไม่ควรถอนคันเร่งความเร็ว เพราะเครื่องยนต์ที่รอบตกลงอาจทำให้น้ำไหลผ่านเข้าสู่ท่อไอเสียและสร้างความเสียหายต่อเครื่องฟอกไอเสียได้  นอกจากนี้ คุณควรขับรถด้วยความเร็วต่ำมาก เพื่อไม่ให้ตัวกรองอากาศที่อยู่ด้านหน้ารถดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์  ถ้าน้ำไหลเข้าสู่ท่อไอเสียหรือเครื่องยนต์จะส่งผลเสียอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดค่าซ่อมแซมสูง

 

ขับรถผ่านน้ำท่วม

 

7.เว้นระยะห่างรถคันหน้าเยอะๆ

การขับรถผ่านน้ำท่วม ผู้ขับควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดรถกลางถนนเมื่อรถ  คันหน้าชะลอความเร็ว ควรระมัดระวังด้วยว่าไม่มีรถที่ขับมาจากเส้นทางอื่นๆ เนื่องจากคลื่นน้ำอาจจะท่วม  รถของคุณได้ โดยเฉพาะถ้ารถคันอื่นใช้ความเร็วที่สูงเกินไป

 

8.ย้ำเบรกทุกครั้งเมื่อรถพ้นพื้นที่น้ำท่วม

เมื่อขับรถออกจากบริเวณที่ไม่มีน้ำแล้ว ควรค่อยๆ ย้ำเบรกเพื่อให้น้ำออกจากเบรค หากมีความคุ้นเคย  กับเทคนิคนี้ ผู้ขับขี่สามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกได้ และปล่อยเบรคเมื่อรู้สึกว่าเบรกจับตัวแล้ว นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรจอดรถและตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่มีเศษขยะ เช่น ถุงพลาสติก หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ติดอยู่ที่กระจังหน้า หรือหม้อน้ำรถยนต์

 

ขับรถผ่านน้ำท่วม

 

9.ตรวจสอบห้องเครื่องและใต้ท้องรถทุกครั้งหลังวิ่งฝ่าน้ำท่วม

หลังจากขับรถผ่านน้ำท่วมขังมาแล้ว ควรล้างทำความสะอาดรถยนต์ โดยเฉพาะใต้ท้องรถและล้อ กำจัดเศษหญ้า ใบไม้ และสิ่งสกปรกออกให้หมด เพราะอาจทำให้ติดไฟได้ รวมถึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเนื่องจากน้ำอาจรั่วซึมเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ ควรล้างทำความสะอาดพรมปูพื้นรถ เพื่อป้องกันการเกิด  เชื้อรา และควรตรวจสอบลูกปืนล้อหน้าและทุกระบบของรถ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อให้ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพตรวจสอบตัวรถอย่างละเอียด

 

เราหวังเคล็ดลับ 9 ข้อ เกี่ยวกับวิธีรับมือการขับรถผ่านน้ำท่วมจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าคุณได้อ่านแล้วเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว อยากให้ส่งต่อข้อมูลนี้ไปให้กับบุคคลรอบข้างใกล้ตัว เพื่อสร้างสังคมผู้ใช้รถที่มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่