หลังมีข่าวลืออยู่นานนับเดือน ในที่สุด Toyota GR Corolla ก็ได้ถูกนำมาเปิดตัวในประเทศไทยของเราแล้ว ด้วยราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3,949,000 บาท ด้วยโควต้าจำนวนจำกัดเพียง 9 คัน เท่านั้น

Toyota GR Corolla ถือเป็นรถรุ่นที่ 4 จากตระกูล GR ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเน้นเอาใจลูกค้าในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการรถแฮชท์แบคตัวแรงอย่าง GR Yaris เป็นพิเศษ แต่ด้วยเหตุผลในหลายๆด้าน รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน จึงทำให้ทาง Toyota USA ตัดสินใจนำเอา Corolla มาดัดแปลงแล้วใส่ความแรงฉบับ GR เข้าไปแทน ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นแนวคิดที่ถูกต้องใช้ได้เลยทีเดียว

โดยแม้ตัวรถ GR Corolla จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Corolla รุ่นปกติ (ที่วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคนละโมเดลกับ Corolla Altis ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยของเรา) แต่มันก็ได้รับการปรับปรุงชิ้นส่วนหลักในแทบทุกจุด

ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงกว่าด้วยจุดเชื่อมที่มากกว่า, หลังคาและฝากระโปรงทำจากอลูมิเนียม, ช่วงล่างกับชุดระบบเบรก ถูกออกแบบและปรับเซ็ทใหม่ รวมถึงงานออกแบบชิ้นส่วนภายนอก ที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีความดุดัน และมีความเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่หัวจรดท้าย เพื่อรองรับการใช้งานด้วยความเร็วสูงๆมากขึ้น ทั้งในสนามแข่งขัน หรือแม้กระทั่งทางฝุ่น

จุดขายสำคัญอีกอย่างของมัน ก็คือเรื่องของขุมกำลัง ที่ถูกเปลี่ยนจากบล็อคเบนซิน 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 170 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 1.6 ลิตร พ่วงเทอร์โบ รหัส G16E-GTS ที่ถูกปรับจูนใหม่จากขุมกำลังของ GR Yaris อีกที จนสามารถเบ่งพลังได้สูงถึง 304 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร

และที่เหนือกว่า Corolla ตัวปกติ ก็คือ นอกจากระบบส่งกำลังที่เปลี่ยนไปใช้แบบชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดชิดแล้ว มันยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ที่ผู้ขับสามารถปรับค่าอัตราส่วนการถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์สู่ชุดล้อคู่หน้า-หลังได้อีกว่า จะให้เป็นแบบใด ระหว่าง 60 : 40, 50 : 50, หรือ 30 : 70 เผื่อในกรณีที่ต้องนำรถไปขับบนถนนที่มีเงื่อนไขต่างกันออกไป ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้มันมีความแตกต่างจาก Honda Civic Type R 2023 คู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่างชัดเจน

โดยตัวรถ Toyota GR Corolla มาพร้อม GR Service Package หรือ ฟรีแพ็คเกจบำรุงรักษาตัวรถตามระยะทาง มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย ฟรี เช็คระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ระยะเวลา 3 ปี หรือ 60,000 กม., GR Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 5 ปี, และ GR Experience สิทธิ์การอบรมหลักสูตร Toyota Gazoo Racing Academy Thailand พร้อมเข้าร่วม กิจกรรมลงขับในสนามแข่งระดับโลก Chang International Circuit

ขณะที่เฉดสีตัวถังภายนอกก็จะมีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ สีขาว SUPER WHITE และ สีเทา PRECIOUS METAL เช่นเดียวกับเฉดสีงานตกแต่งภายในห้องโดยสารให้เลือกอีก 2 แบบ ได้แก่ สีแดง IGNITION RED (เพิ่ม 10,000 บาท) และ สีดำ SMOKE GRAY

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่