ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หลายคนอาจยกให้ Tesla เป็นผู้นำในเรื่อง เทคโนโลยีระบบรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ แต่จากการทำแบบทดสอบล่าสุดโดยองค์กรณ์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา กลับเผยให้เห็นว่า ผู้นำที่แท้จริงในเรื่องเทคโนโลยีดังกล่าว ณ ปัจจุบัน คือ Ford

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากการทดสอบโดย “องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร” แห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อว่า “Consumer Reports” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่จะคอยตรวจสอบสินค้าหลายๆอย่างและนำข้อมูลมานำเสนอให้กับเหล่าผู้ติดตามได้ศึกษาอย่างเที่ยงตรงเป็นอันดับต้นๆของประเทศดังกล่าวอยู่แล้ว

และในการทดสอบ “ความสามารถของระบบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ” โดยองค์กรนี้ ก็จะมีการแบ่งเกณฑ์การให้คะแนน ออกเป็น 5 หมวดด้วยกัน ได้แก่

  • Capability and Performance – ขีดความสามารถ และประสิทธิภาพในการทำงาน
  • Keeping Driver Engaged – การดึงความสนใจจากตัวผู้ขับให้ตื่นตัวอยู่เสมอ
  • Ease of Use – ความผ่อนคลายเมื่อระบบถูกใช้งาน
  • Clear When Safe to Use – ความชัดเจนถึงการเลือกสถานการณ์ที่ปลอดภัยพอจะเปิด/ปิดการใช้งานระบบ
  • Unresponsive Driver – การทำงานเมื่อผู้ใช้อยู่ในสภาวะไม่พร้อมขับขี่

ส่วนวิธีในการทดสอบ ทางองค์กรณ์ ก็ได้มีการอธิบายเอาไว้ว่า พวกเขาจะทดสอบรถที่ถูกนำมาเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ ในพื้นที่สนามทดสอบของศูนย์ทดสอบที่มีความกว้างกว่า 327 เอเคอร์ หรือราวๆ 827 ไร่ และทดสอบบนเส้นทางสาธารณะแบบวนลูปกว่า 50 ไมล์ หรือราวๆ 80 กิโลเมตร ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง ธันวาคม ปี 2022

โดยแต่ละระบบขับขี่อัตโนมัติของผู้ผลิต จะต้องถูกทดสอบด้วยแบบทดสอบกว่า 40 รูปแบบ เพื่อการประเมินความสามารถในด้านต่างๆให้มีความครอบคลุมและละเอียดที่สุด เช่น การบังคับเลี้ยว, การควบคุมความเร็ว(ทั้งคงที่ ขึ้น หรือ ลง), การรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้ และการรักษาความตื่นตัวของผู้ใช้ขณะขับขี่, ไปจนถึงการทดสอบความฉลาดของระบบเปลี่ยนเลน ระบบออกตัวตามสัญญาณไฟจราจร และอื่นๆอีกมากมาย เท่าที่ระบบจะมีให้ใช้

ส่วนรถที่ทางองค์กรณ์นำมาทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติ ก็จะมาจากผู้ผลิตทั้งหมด 12 เจ้าใหญ่ๆด้วยกัน ที่มีระบบดีพอ และมีฟังชันการใช้งานที่ครบครันพอจะให้ประเมิน ซึ่งเราก็จะขอเรียงลำดับรายชื่อ ตามลำดับคะแนนที่แต่ละแบรนด์ได้รับกันไป จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ดังนี้

  • Ford (+Lincoln) : BlueCruise : 84 คะแนน
  • General Motors (Chevrolet/GMC/Cadilac) : Super Cruise : 75 คะแนน
  • Mercedes-Benz : Driver Assistance : 72 คะแนน
  • BMW : Driving Assistance Professional : 69 คะแนน
  • Toyota (+Lexus) : Safety Sense 3.0 (Safety System+ 3.0) : 65 คะแนน
  • Volkswagen (+Audi) : Travel Assist (Adaptive cruise assist) : 62 คะแนน
  • Tesla : Autopilot : 61 คะแนน
  • Rivian : Highway Assist : 59 คะแนน
  • Nissan (+Infiniti) : ProPILOT Assist : 58 คะแนน
  • Honda (+Acura) : Sensing (AcuraWatch) : 58 คะแนน
  • Volvo (+Polestar) : Pilot Assist : 53 คะแนน
  • Hyundai (+Kia/Genesis) : Highway Driving Assist : 47 คะแนน

โดยหากให้วิเคราะห์จากลำดับคะแนนโดยคร่าวๆและเน้นไปที่ระหว่าง 2 แบรนด์ ซี่งเป็นที่น่าสนใจในการทดสอบครั้งนี้ เราจะพบว่าในฝั่งระบบ BlueCruise ของ Ford นั้น สามารถทำคะแนนได้เกือบเต็ม (9/10) ในหัวข้อ ความสามารถและปริสทธิภาพในการใช้งาน, การดึงความสนใจจากตัวผู้ขับ, และ การแสดงความชัดเจนถึงสถานการณ์ที่เหมาะหรือไม่เหมาะที่จะเปิดใช้งานระบบ

ขณะที่ในหัวข้อความผ่อนคลายในการใช้งาน กับ การทำงานเมื่อผู้ใช้อยู่ในสภาวะไม่พร้อมขับขี่ นั้น แม้จะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี ด้วยคะแนน 6/10 ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างสูงเป็นอันดับต้นๆเมื่อเทียบกับระบบขับขี่อัตโนมัติโดยผู้ผลิตอื่นๆที่ถูกนำมาเปรียบเทียบอยู่ดี (เพราะมีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ทำได้ 7/10 คะแนน และส่วนใหญ่จะทำได้ต่ำกว่า 5/10 คะแนน ถึง 7 แบรนด์ด้วยกัน)

ขณะเดียวกัน ในส่วนระบบ Autopilot ของรถยนต์จากแบรนด์ Tesla ไว้วางใจมานานนั้น กลับทำคะแนนในการทดสอบครั้งนี้ได้น้อยกว่าที่หลายคนคาดคิดเอาไว้ เพราะแม้รถแบรนด์นี้ จะสามารถทำคะแนนในส่วนของหัวข้อ ความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีถึง 9/10 คะแนน

แต่นอกเหนือจากนั้น ในส่วนของหัวข้อ ความผ่อนคลายในการใช้งาน กลับอยู่ในเกณฑ์ปานกลางที่ 5/10 คะแนน และตามด้วยค่อนข้างต่ำ ในหมวดอื่นๆที่เหลือ

โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะลองอ่านบทวิเคราะห์โดยละเอียดของระบบการขับขี่อัตโนมัติจากแต่ละแบรนด์ ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงได้คะแนนตามที่ไล่เรียงกันไป ก็สามารถอ่านกันได้เลย จากลิ้งค์ตรงนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่