อาจจะใกล้หมดฤดูฝนกันแล้วนะครับ สำหรับคนใช้รถใช้ถนนทั้งกลายอย่างเราๆ ท่านต่างก็ดีใจ จะหมดหน้าฉ่ำแฉะกันสักที แต่แม้ว่าจะใกลเหมดฝนแล้ว ก็ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องหนักบ้างเบาบ้าง ทาง  Ridebuster   เราเลยคิดว่าน่าจะมาพูดถึงเรื่องต้องรู้ขับรถหน้าฝน ว่ามีอะไรบ้างที่คุณสมควรทำละไม่สมควรทำ ในยามขับรถท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยปราย

 

1.ลดความเร็ว

เมื่อฝนตกสิ่งแรกที่สมควรทำอย่างยิ่ง คือลดความเร็วจากที่ขับอยู่ลงสักหน่อย ส่วนจะลดมากเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของฝนที่คุณเผชิญครับ ที่ต้องลดคามเร็วลงเนื่องจากคุณจะมีทัศนวิสัยในการขับขี่จำกัด คุณอาจจะมองเห็นในระยะไม่ไกลมาก เมื่อเทียบกับยามปกติ ประกอบกับสภาพถนนเปียกทำให้ระยะเบรกยาวขึ้นด้วยครับ

 

2.เปิดปัดน้ำฝนแต่พอดี

ฝนตกไม่หนักคุณก็ควรเปิดไฟปัดไม่แรง ที่ผมบอกว่าไม่ควรเปิดใบน้ำฝนแรงเกินไปนั้น มีสาเหตุสำคัญจากการรบกวนทัศวิสัยของตัวใบปัดเอง ซึ่งยิ่งแรงจังหวะใบปัดจะยิ่งถี่มากขึ้น ทำให้คุณมีเวลาดูเส้นทางน้อยลง  นอกจากนี้หากใบปัดกวาดน้ำเร็วจนเกลี้ยงกระจกยางใบปัดจะสีกับกระจก จนเสื่อมสภาพ ฉีกขาดได้

 

3.เปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอก

อย่างที่คุณทราบในยามเวลาฝนตกฟ้าคริมเมฆทะมึนทัศวิสัยมีความจำกัดมาก และทางเดียวที่เสริมการมองเห็นของคุณได้ คือเปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอกช่วยในการมองเห็น  ที่ผมตั้งใจพูดถุงไฟตัดหมอกด้วยเนื่องจากไฟตัดหมอก มีลักษณะเป็นหลอดไส้แนวแนวนอนคล้ายสปอร์ตไลท์สามารถส่องได้ไกลกว่าแสงจากไฟหน้า ทำให้คุณเห็นสิ่งที่อยู่ระยะไกลออกไป และสำหรับรถที่ใช้ไฟซีนอน-ไฟแอลอีดี มันยังช่วยผสมสีของแสงในยามขับฝ่าฝนด้วย

4.มองไกล

ยามฝนตกหนักทัศวิสัยในการขับขี่อาจจะเหลือน้อยในวงจำกัด หากความจริงคุณสมควรพยายามมองไกลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  สาเหตุที่เราแนะนำให้คุณมองไกลก็เพื่อประเมินสถานการณ์ข้างหน้าในการขัขี่ เช่นรถอาจะเกิดอุบัติเหตุ หรือมีสิ่งกีดขวาง คุณจะได้สามารถตัดสินใจได้ทันท่วงทีครับ

 

5.เว้นระยะห่างคันหน้า

เมื่อสักครู่ผมน่าจะพูดไปแล้วเรื่องฝนตกถนนลื่นใช้ระยะเบรกเยอะขึ้น คุณทราบไหมว่า ด้วยเหตุผลเดียวกัน คุณจึงสมควรจะเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าปกติครับ เนื่องจากระยะเบรกที่ใช้บนพื้นที่ถนนเปียกจะมากกว่าบนถนนแห้ง เมื่อประกอบกับระบบเบรก  ABS   อาจจะมีโอกาสทำงานมากขึ้น ทำให้คุณก็เพิ่มระยะทางเข้าไปอีกจากเดิม ก็มีสิทธิมากที่คุณจะไปจุ่มคันหน้า ถ้าไม่เว้นระยะห่างที่เพียงพอ

 

6.ไม่เปิดไฟฉุกเฉิน

ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เด็กยุคใหม่ก็น่าจะทราบกันดี แต่ก็ยังเห็ยมีอยู่บ้างจากความเข้าใจผิดของคนในสังคมที่เข้าใจว่าสมควรจะเปิดไฟฉุกเฉินยามฝนตก เนื่องจากจะเป็นจุดสังเกตมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อฝนตกหนักมากๆ จนสามารถเห็นได้ยาก หรือแทบมองไม่เห็นเลย

ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะมีข้อแท็จจริงบางประการที่สายตาของมนุษย์เราวต่อแสงสีแหลือ ทำให้ในลักษณะสัญญาณเตือนส่วนใหญ่ในการจราจร ถูกทำมาเป็นสีเหลือ แต่ไฟฉุกเฉินนั้นไม่ควรเปิดขณะขับรถผ่านฝนตก เนื่องจากจะทำห้ลายตา ประกอบกับการเปลี่ยนทิศทางในภาวะวิสัยย่ำแย่ คุณควรจะใช้สัญญาณไฟเลี้ยวให้มากกว่าปกติ เพื่อบอกทิศทางไปด้วยครับ

 

7.ใช้สัญญาณไฟเลี้ยวให้มาก

อย่างที่ผมกล่าวสักครู่ยามฝนตก ควรใช้สัญญาณไฟเลี้ยวมากกว่าปกติ  เนื่องจากสัญญาณไฟเลี้ยวนั้นจะสามารถช่วยให้เป็นที่สังเกตต่อเพื่อนร่วมทางมากขึ้น และเพื่อให้เขารู้ว่าคุณไปทางไหน การเปิดไฟเลี้ยวจึงยิ่งจำเป็นมากในภาวะทัศวิสัยที่ยากลำบากอย่างยามฝนตก และตามกฎหมายระบุให้ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟเลี้ยวเมื่อเปลี่ยนทิศทางด้วยนะครับ ในระยะไม่ต่ำกว่า 30 เมตร

 

8.อย่างเบรกกะทันหันหรือเบรกรุนแรงมาก

ในช่วงฝนตกเป็นช่วงเวลาที่มักเกิดกรณีการขับรถชนท้ายกันเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก จากสภาวะฝนตกถนนลื่น

ส่วนหนึ่งของปัญหานี้อาจจะมาจากการไม่เว้นระยะห่างมากเพียงพอตามที่สมควรจะเป็น แต่ในการณ์นี้ก็ยังมีอีกสาเหตุสำคัญจากรถคันข้างหน้าที่เบรกรุนแรง จนคุณอาจจะเบรกไม่ทัน หรือคุรอาจจะเบรกแรงจนทำให้คันหลังไม่สามารถเบรกทันได้

ตามหลักการขับรถที่ดีที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ขับขี่ไม่ควรเบรกรถแรงเกิน 80%  ของกำลังเบรกปกติ เนื่องจากจะเข้าสู่โหมด ABS  รวมถึงผู้ตามมาข้างหลังหากไม่ทันสังเกตอาจจะตอบสนองต่อการห้ามล้อหยุดรถไม่ทันการณ์

 

9.ใช้กระจกมองหลัง

จากการห้ามล้อรุนแรง ที่ผมกล่าวในข้อที่แล้ว เคยได้รับการไต่ถามว่ามีวิธีการหลีกเลี่ยงการชนท้ายหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องเบรกรถอย่างรุนแรง คำตอบคือมีครับ และมันอยู่ใกล้ตัวคุณ นั่นคือกระจกมองหลังนั่นเอง

หน้าที่และประโยชน์ของกระจกมองหลังมีไว้เพื่อส่องเพื่อนร่วมทางที่เข้ามาทางด้านหลังรถคุณ มันช่วยป้องกันอุบัติเหตุในการชนท้ายได้มากทีเดียว หากคุณเบรกแล้วหันไปมองกระจกหลังว่า เพื่อนร่วมทางคุณสามารถจะเบรกหยุดทันหรือน่าจะเตรียมสอยตูดคุณแล้ว

ในกรณีที่คุณคิดว่าเพื่อนร่วมทางหยุดไม่ทัน สมควรรีบตัดสินใจในการออกรถไปข้างหน้า หรือหาทางหลบเลี่ยง เพื่อเพิ่มระยะทางเบรกให้เพื่อนร่วมทาง เชื่อไหมครับว่า แค่คุณหัดเป็นคนสังเกต ก็ลดอุบัติเหตุชนท้าย คุณไม่ต้องเสียเงินเสียเวลา และยังช่วยให้เพื่อนร่วมทางปลอดภัยด้วยครับ

10.เข้าใจอาการเหินน้ำ

ในช่วงหน้าฝนคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงบรรดาน้ำท่วมขังตามถนนจากความเก่งกาจของวิศวกรโยธาบ้านเรา ที่สามารถเปลี่ยนให้ถนนสามารถคล้ายเป็นคลองส่งน้ำย่อมๆ ชั่วคราวได้

ด้วยถนนที่มีน้ำท่วมขังนี่เอง ทำให้คุณอาจจะพบเจออาการที่เราเรียกว่า “เหินน้ำ” หรือ  Hydroplane  ได้เนื่องจากเราขับรถมาด้วยความเร็ว ทำให้รอบล้อมากพอที่จะลอยขึ้นเหนือผิวน้ำยามที่คุณถลาลงไปบนแอ่งน้ำเล็กๆเหล่านี้ และยางคุณจะไม่รีดน้ำ รถคุณจะไม่เกาะ ทำให้เกิดโอกาสหมุนหรือลื่นไถลสูง  

11..ใช้ตัวช่วย

ในยุคนี้รถยนต์ที่เราใช้บางคันมีระบบช่วยเหลือในระหว่างการขับขี่ และมันมีประโยชน์อย่างมากในยามขับรถท่ามกลางฝนตก ซ่งคุณสามารถไว้ใจระบบเหล่านี้ได้มากกว่าตัวคุณเองด้วยซ้ำไป

ระบบความปลอดภัยในการขับขี่แบบ   Active Safety   ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่ดีในยามขับขี่หน้าฝน เนื่องจากพวกมันสามารถตอบโจทย์ได้ดี เช่นระบบเตือนการหลุดเลนขณะขับขี่ ,ระบบป้องกันการชนทางด้านหน้าหรือระบบตรวจสอบมุมมอับของกระจก ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นได้ในยามขับขี่

12.อย่าใช้พวงมาลัยเร็ว

ในยามตกใจ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงจำนวนมาก มักจะชอบกระชากพวงมาลัย ซึ่งในยามฝนตก การกระทำดังกล่าวอาจจะทำรถสูญเสียการทรงตัวและเกิดการลื่นไถลได้ ยิ่งคุณกระชากพวงมาลัยเร็วเท่าไร ก็ยิ่งทำให้รถอาจเกิดเสียหลักได้มากเท่านั้นครับ

13.อย่ากระแทกคันเร่ง

เรื่องนี้ขอเตือนไว้เลย สำหรับบรรดาคอกระบะทั้งหลาย เพราะการกระแทกคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วจะทำให้รถเกิดการลื่นไถลได้ เนื่องจากแรงบิดสูงของเครื่องยนต์ดีเซลจะทำให้ล้อและยางสามารถเอาชนะการยึดเกาะผิวถนนที่มีความลื่น ซึ่งมีการยึดเกาะต่ำอยู่แล้ว ทำให้รถสามารถเสียหลักได้ครับ

 

14.ใช้ตำแหน่ง Overdrive  หรือเกียร์  S  ในการขับขี่

ในอดีตเราคงเคยได้ยินว่าเมื่อฝนตกให้ใช้เกียร์ต่ำลง 1 ระดับจากปกติ เพื่อให้ลดมีการเกาะถนนมากขึ้น หลักการเดียวกันนี้ยังใช้ได้ยังปัจจุบัน แต่หลายคนไม่ทราบว่ารถเกียร์อัตโนมัติจะทำอย่างไร

testdrive-Nissan-Note-VL003

วิธีการของเกียร์อัตโนมัติ คือการเปลี่ยนมาเกียร์   S  หรือ  เลือกปุ่ม  Overdrive Off   ที่ข้างคันเกียร์ การเลือกตำแหน่งเกียร์ดังกล่าวจะทำให้รถไม่ใช้ตำแหน่งเกียร์สูงสุดในการขับขี่ และทำให้รถสามารถลดความเร็วได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ตำแหน่ง D รวมถึงการไม่ใช่ตำแหน่งเกียร์สูงสุด ทำให้ยังลดโอกาสการทำความเร็วมากจนเกิดการลื่นไถล

 

เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับทริคการขับขี่ในหน้าฝนจากเราทั้ง 14 ข้อ แม้ว่าการขับขี่หน้าฝนจะมีความอันตรายอย่างมาก แต่ก็สามารถป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้ารู้จักระแวดระวังในการขับขี่

 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่