ท่ามกลางความโกลาหลในปี 2020 หรือ พ.ศ. 2563 อุตสาหกรรมยานยนต์ ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนัก จนเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ที่สำคัญในปีนี้ และเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา
*ห้ามมิให้นำบทความไปเผยแพร่ในช่องทางอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต
อันดับที่ 10 โตโยต้า ฮึดสู้อเนกประสงค์
กว่า 20 ปีที่เรารู้จักชื่อของ Toyota Fortuner ในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์จากแบรนด์ Toyota ค่ายรถยนต์ชั้นนำเบอร์1 ของโลก เมื่อปีกลาย (2562) เราได้ยินว่า ปีนี้ โตโยต้าจะมีรถยนต์อเนกประสงค์ใหม่ และมันเป็นจริง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่โตโยต้า ตัดใจเปลี่ยนตัวเอง หันมาทำรถอเนกประสงค์จากเก๋ง หรือที่เราเรียกว่า Crossover แม้ว่าจะมี C-HR ก็ยังไม่ปังเท่าที่ควร
และมันชื่อ Toyota Corolla Cross ด้วยความตั้งใจเอาจุดสำคัญของโคโรลล่ามาใช้ คือการเป็นรถที่คุ้มค่า คบหาง่ายราคาไม่แพง รถรุ่นนี้ทำออกมาขายดีเกินหน้าเกินตา ด้วยราคาขายที่ทำเอาหลายคนสนใจไม่น้อย และที่สำคัญ ทางโตโยต้าให้ไทยเป็นชาติแรกในโลกที่รถรุ่นนี้วางจำหน่าย และเราจะเป็นฐานการผลิตส่งออกไปญี่ปุ่นด้วย
อันดับที่ 9 ปรับราคาคุ้มกว่าเดิม
ในช่วงโควิด 19 แบบนี้หลายค่ายต่างมีกลยุทธ์สำคัญสร้างยอดขาย ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นบริษัทรถยนต์ปรับลดราคาขายลงจากเดิม แม้จะเก่าอายุอานามในตลาดนานไปบ้าง แต่ราคาถูกลงเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
2 ค่าย ที่เกมนี้ คือ Suzuki ปรับ ราคา Suzuki Celerio น้องเล็กอีโค่คาร์ที่เดิมทีราคาแพงไปหน่อย จนลูกค้ามองว่าไปซื้อ Suzuki Swift ดีกว่า อีกค่ายก็เป็น Mazda ปรับราคา Mazda CX-3 ตัวลุยรุ่นเล็กให้ต้องตาต้องใจมากขึ้น แถมตอนไตรมาส 3 ยังเทกระจาด Mazda BT-50 Pro ด้วยล่ะ
แต่นอกจาก 2 ค่ายนี้ ค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ก็มีการลดราคาแต่มาในแบบของโปรโมชั่นที่เยอะขึ้น จนเรียกว่า เป็นนาทีทอง คนอยากมีรถ
อันดับที่ 8 เบนซ์ไม่ขายรถยนต์ไฟฟ้า
เป็นเรื่องที่ทำให้สายคนมองรถยนต์หรูเซ็งไปตามๆ กัน หลัง Mercedes Benz ประเทศไทย ประกาศไม่ขายรถยนต์ไฟฟ้า Mercedes Benz EQC ตามแผนงาน ทีแรกลั่นว่า จะมาขายในปีนี้ ในแบบนำเข้าตรงจากเยอรมัน แต่เหมือนว่าหลังคิดสาระตะ แล้วไม่เอาดีกว่า
โดยเบนซ์ให้เหตุผลง่ายๆว่า ความตั้งใจของบริษัท คือนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาขายในไทย เราจึงอยากให้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมก่อน โดยมีการคุยกับภาครัฐ ถึงสิทธิประโยชน์ที่คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรจะได้ ควรจะเป็นบุคคล ที่มีสิทธิพิเศษมากกว่าคนใช้รถปกติทั่วไป
อันดับ 7 รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กจาก มิตซูบิชิ
มิตซูบิชิ มอเตอร์ ปีนี้ ชิงไฟสุดๆ ในการออกเจ้า Mitsubishi Outlander PHEV ทำตลาดในบ้านเรา ตามประเด็นยื่นของส่งเสริมการลงทุนจากทาง Boi ไว้ และต้องผลิตขายในปีนี้เพื่อจะไม่เสียสิทธิในการวางจำหน่าย และการขอลงทุนตามเงื่อนไข
การออกมาของ Mitsubishi Outlander PHEV เพิ่งจะเปิดตัวในงาน Motor Expo 2020 หมาดๆ รถรุ่นนี้ให้ 2 มอเตอร์ 305 แรงม้า มีระบบชาร์จไฟฟ้าแบบชาร์จเร็วเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าด้วย จึงเป็นจุดเด่นที่สำคัญของรถรุ่นนี้
การเปิดตัวรถรุ่นนี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผู้ผลิตญี่ปุ่นในไทย มีรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้ก วางจำหน่าย หลังจากมีแต่ทางแบรนด์ยุโรป วางจำหน่าย แต่งานนี้คงต้องทำเกมสักหน่อย
อันดับ 6 รถยนต์ไฮบริดต่ำกว่าล้านบาท
หลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฮบริดเริ่มเป็นที่สนใจของคนที่กำลังมองหารถยนต์รุ่นใหม่เน้นความประหยัดและสมรรถนะในการขับขี่ วันนี้หลายคนค่อนข้างเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฮบริดแล้วค่อนข้างมาก
แต่ประเด็นที่ยังไม่แพร่หลายนัก คือ ราคาตัวรถที่ยังมีราคาแพงอยู่พอสมควร แต่ปีนี้ เรียกว่า เป็นปีแรกที่รถยนต์ไฮบริดมีราคาต่ำกว่าล้านบาท และลงมาเหลือเพียง 8 -9 แสนบาท เป็นช่วงราคาที่คนทั่วไปพอจับต้องได้
เริ่มจากการเปิดตัวของ Nissan kicks e-Power ในไทย ทำราคาจำหน่ายเริ่มต้น 889,000 บาท เป็นรถไฮบริดที่ถูกที่สุด ก่อน ฮอนด้าจะมาตีแสกหน้าเอาส่งท้ายปีด้วย Honda City e:HEV ในราคา 839,000 บาทพร้อมฟังชั่นครบครัน (อ่านการเปรียบเทียบของเราที่นี่) และนั่นทำให้ปีนี้ ใครที่กำลังมองหารถไฮบริดมีทางเลือกมากขึ้น
อันดับที่ 5 รถยนต์ไฟฟ้า ราคาต่ำกว่าล้านบาท
นอกจากรถไฮบริดปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าก็ทำราคาต่ำกว่าล้านบาท ด้วยเช่นกัน คงต้องปรบมือให้กับ MG ที่ทำราคาเจ้ารถยนต์ไฟฟ้า MG EP ในราคาที่เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามหาชนตัวจริง
รถนำเสนอในทรงแวกอน ครบเครื่องด้วยความสามารถในการขับขี่ การชาร์จไฟฟ้า และการใช้งาน ใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกับ MG ZS EV แต่แรงกว่าเร้าใจกว่า ซึ่งราคาขายตัวรถก็เร้าใจที่ 988,000 บาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ราคาไม่ข้ามล้านบาท (เราหมายถึงรถที่มาจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์นะ)
อันดับที่ 4 การกลับมาของซิคาร์ไฮบริดจากฮอนด้า
ย้อนไปสักปี 2012 ถ้ายังจำกันได้ ฮอนด้าได้ส่ง Honda Jazz Hybrid ออกมา พร้อมคอนเซปต์ ใครๆ ก็ไฮบริดได้ ในปีนี้ หลังจากตกเป็นข่าวมากกว่าปี ทางฮอนด้า เปิดตัว Honda City e:HEV เจ้ารถยนต์ไฮบริดมาในร่าง ซีดาน 4 ประตู ถูกในสาวก รถคันนี้ใช้ระขับเคลื่อน 1.5 ไฮบริด sport i-MMD ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และมันตอบโจทย์ในการใช้งานได้เป็นอย่างดี
อันดับที่ 3 นิสสันฮึดสู้
การเปิดเกมด้วยรถยนต์ Nissan Almera ปีที่แล้ว เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการกลับมาผงาดอีกครั้งของ นิสสัน เพราะในปีนี้ นิสสัน เป็นค่ายรถยนตืที่ต้องพูดว่ามีผลงานโดดเด่นมากๆ ด้วยรถยนต์ใหม่ชนิดเขย่าวงการมากถึง 2 รุ่นได้แก่ Nissan kicks e- Power รถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดพร้อมระบบขับเคลื่อนสุดล้ำ ซึ่งไทยได้ใช้เป็นประเทศที่ 2 ในโลก รองจากญี่ปุ่น แถมเรายังเป็นฐานการผลิตสำคัญรถยนต์รุ่นนี้ด้วย
อีกรุ่นที่ทำเอาคอกระบะใจสั่นไม่น้อย จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก Nissan Navara ที่เปิดตัวพร้อมงานออกแบบที่ทุกคนพูดไปในทิศทางที่ดี ตัวรถออกแบบใหม่ลงตัวน่าใช้ แถมยังเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ อีกต่างหาก นั่นทำให้นิสสัน ตีตื้นขึ้นมาในใจลูกค้า แต่ พวกเขายังต้องสู้ต่อไป เพราะการเรียกความเชื่อมั่นนั้นสำคัญมากๆ
อันดับที่ 2 เชฟโรเล็ตอำลาไทย
ระยะเวลากว่า 20ปีที่เข้าทำตลาดในบ้านเรา Chevrolet เป็นบริษัทรถยนต์อเมริกา ที่หลายคนให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพสินค้าในราคาที่เหมาะสม การเปิดตัวรถ Chevrolet Captiva เมื่อปีกลาย ทำให้หลายคนสนใจ แต่นั่นก็ดูจะสายเกินไปที่จะรั้งให้ค่ายนี้ไปต่อในบ้านเรา จนนำมาสู่การตัดสินใจอำลาเมืองไทย ประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ 2563
เรื่องนี้ทำเอาหลายคนตกใจไม่น้อย ถึงการตัดสินใจของยักษ์ใหญ่อย่าง General Motor ที่ออกมายอมรับว่า ได้มีการตัดสินใจเปลี่ยนมิโรงงาน ศูนย์การผลิตที่ระยองไปให้ ค่ายรถยนต์รายอื่นจากประเทศ จีน ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับตลาดได้ และเป็นผลทำให้ต้องยุติการจำหน่ายในไทย ในสิ้นปี 2563
อย่างไรก็ดี เชฟวี่ ยังยืนยันว่าจะมีอะไหล่ สนับสนุนลูกค้าต่อไป ผ่านตัวแทนจำหน่ายเดิมที่จะกลายเป็นศูนย์ซ่อมรถด้วย แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องเศร้าครั้งสำคัญในไทย ที่บริษัทรถยนต์รายเดิมต้องออกไปจากตลาด
อันดับ 1 โควิด 19
แน่นอนว่า เรื่องที่มาเป็นอันดับที่ 1 ในปีนี้ ต้องเป็นโควิด 19 ไม่มีใครไม่รู้จัก ไวรัสตัวนี้ แต่มันมาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยต์ ด้วยต้องมีการปิดโรงงานชั่วคราวหลายราย และบ้าง ได้รับผลกระทบจาก ซัพพลายเออร์ ทั้งในและต่างประเทศ
โควิด 19 ทำให้ในแง่การขายรถใหม่ปปีนี้ชะงักในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ก่อนจะมาฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 แต่ก็ไม่วายมีระลอก 2 ออกมา อีกครั้ง ทำให้ เราต้องจับต่อไปว่าจะมีผลกระทบในการทำงานมากแค่ไหนกัน
ปีนี้เรียกว่า เป็นปีที่หนักหน่วงอย่างมากในการทำธุรกิจ แต่ ก็เป็นปีที่มีทั้งเรื่องเศร้าและเรื่องดี ให้เราได้เห็นกัน
*บทความนี้ เป็นลิขสิทธ์ ของทีมงาน Ridebuster ห้ามมิให้ นำไปเผยแพร่ต่อโดยมิได้รับอนุญาต จากทีมงาน