ท่ามกลางกระแสรถใหม่ การโหมโฆษณาบางครั้งก้นำมาซึ่งความเข้าใจผิดในการใช้งานและสาระสำคัญของระบบต่างๆภายในรถ หนึ่งในนั้นที่พูดถึงอย่างมาก และกำลังเป็นที่กังวลของหนวยงานภาครัฐในหลายประเทศ หนีไม่พ้นระบบความปลอดภัยเชืงป้องกัน ในการป้องกันการชนทางด้านหน้า หรือ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งหลายค่ายกล่าวเพียงว่าระบบจะช่วยหยุดรถ เมื่อตรวจพบว่ามีรถอยู่ข้างหน้า โดยไม่ได้กล่าวถึงเงื่อนไขในการใช้งานแต่อย่างใด

การโฆษณาระบบดังกล่าวเหล่านั้น ไม่ได้ไกลเกินจริงอย่างที่หลายคนเข้าจ แต่การจะใช้ระบบให้มีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลในการหยุดโดยไม่ชนรถคันข้างหน้า ไม่ใช่ว่ามาด้วยความเร็วแล้วระบบจะสามารถหยุดหรือหน่วงให้ได้ ตามความเข้าใจของผู้ใช้

เรื่องดังกล่าวเป็นที่กังวลมากขึ้นในญี่ปุ่น จนถึงขนาดหน่วยงานภาครัฐ กระทรงการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน ต้องออกมา เตือนผู้ใช้งานและตัดสินใจซื้อรถยนต์ในญี่ปุ่น ว่าระบบมีเงื่อนไข และระบบที่เหมือนกันของบริษัทรถยนต์แต่ละค่าย ก็มีความแตกต่างกันในการใช้งาน

ตามรายงานจากหน่วยงานญี่ปุ่น ยืนยันว่า ความเร็วมีส่วนสำคัญในการหยุดรถ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามาด้วยความเร็วแล้วระบบป้องกันการชนทางด้านหน้าจะหยุดรถได้อย่างที่ลูกค้าเข้าใจ กับภาพการโฆษณาสินค้าที่ดูเหมือนจะวิเศษวิโสมากมาย

ย้อนไปในปี2005 ทางหน่วยงานเคยนำรถยนต์จำนวนหนึ่ง ประมาณ 20 รุ่นที่ขายในญี่ปุ่น มาทดสอบแล้วให้คะแนนระบบโดยในครั้งนั้นพบว่า   Mazda  CX-5   เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตามมาด้วยระบบเดียวกันใน   Honda Civic  , Nissan Note   และ   Subaru Levorge – WRX

โดยวิธีการทดสอบนั้น ทางหน่วยงานได้ใช้ดัมมี่ กระโดดออกมาจากทางด้านข้างแล้วดูว่ารถจะสามารถหยุดโดยไม่ชนหุ่นดัมมี่ได้หรือไม่

แต่ที่น่าแปลกคือจากการทดสบทั้งหมด ที่ความเร็วต่างกันตั้งแต่ 35,40,45 และ 50 กิโลเมตร พบว่า ระบบจะทำงานได้ดี คือหยุดได้โดยไม่ชนที่ความเร็วเพียง 10 -15 ก.ม./ช.ม.  ถือเป็นความเร็วที่ปลอดภัยที่สุด แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่สามารถจะหยุดได้

ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์   Mazda CX-8   ที่มีขนาดใหญ่ แม้ว่าจะขับด้วยความเร็วทดสอบ 10.2 ก.ม./ช.ม. ก็ยังชนดัมมี่ที่ความเร็ว 5.5 ก.ม./ช.ม. เนื่องจากรถมีขนาดใหญ่ทำหให้แม้จะมีการทำงานของระบบแล้วก็ยังไม่อาจจะหยุดการเคลื่อนตัวของรถได้

แน่นอนประเด็นสำคัญของการหยุดรถไม่ได้อยู่ที่ความเร็วที่ใช้ แต่ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ประสิทธิภาพการเบรก, สภาพอากาศและพื้นถนน ตลอดจนปัจจัยการบรรทุกของตัวรถ 

นอกจากนี้ในการทดสอบดังกล่าวยังสรุปว่า นอกจากปัจจัยการเบรกแล้ว วิธีการทำงานของแต่ละระบบนั้นมีส่วนสำคัญในการทำให้รถสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะอุปกรณ์ตรวจจับ อย่างชุดกล้อง หรือ อุปกรณ์คลื่นเสียงที่มีคุณภาพต่างกันด้วย 

ดังนั้นหากกล่าว ก็คงสรุปได้ว่า แม้ว่าจะมีระบบช่วยเหลือและป้องกันการชนทางด้านหน้า ก็ยังเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่ที่จะต้องระแวดระวังในระหว่างการเดินทางกันต่อไป เพียงแต่คุณมีตัวช่วยเพิ่มมากขึ้น และเป็นหูเป็นตาให้คุณได้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่